จากกรณีโลกโซเชียลเผยแพร่คลิปชายสวมชุดคล้ายข้าราชการ ลงจากรถเข้าไปกระโดดถีบรถเก๋งอีกคันที่ได้ขับขี่ไล่ตามกันมา ก่อนจะรีบกลับขึ้นรถแล้วหนีออกไป ต่อมา พ.ต.อ.กฤตินาท ตุลยลักษณ์ ผกก.สน.ศาลาแดง ได้นัดผู้ขับขี่รถทั้งสองเข้าเจรจาไกล่เกลี่ย ที่ สน.ศาลาแดง นั้น
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม น.ส.สุนาวรี อินดิบ อายุ 32 ปี คู่กรณีได้เดินทางมาชี้แจงพร้อมเข้าไกล่เกลี่ยกับตำรวจ กล่าวกับสื่อว่า ตนไม่ได้ขับรถปาดหน้ากับคู่กรณีตามที่ถูกกล่าวอ้าง แต่ขณะเกิดเหตุทหารพยายามขับจี้ท้ายรถ และบีบแตรตลอดทาง ก่อนจะตะโกนต่อว่าตนด้วยถ้อยคำหยาบคาย พาดพิงไปถึงบุพการี ว่าทำไมนำสติกเกอร์ปิดป้ายทะเบียนรถ ซึ่งตนโกรธมากแต่พยายามไม่สนใจ ทั้งนี้ ที่ต้องปิดสติ๊กเกอร์ทับเลขเดิม เพราะเป็นเลขไม่ถูกโฉลก
ต่อมา รถติดไฟแดง ชายคนดังกล่าวลงจากรถก่อนกระโดดถีบท้ายรถของตน และพยายามจะขับรถหลบหนีไป แต่ตนวิ่งเข้าไปเรียกให้ลงมาคุยกัน ซึ่งชายคนดังกล่าวขับรถหนี ก่อนตนจะวิ่งตามพร้อมใช้ข้อศอกกระแทกกระจกคู่กรณีแตก ทำให้ทหารตกใจ ก่อนจะย้ายไปนั่งเบาะข้างคนขับ พร้อมตะโกนกล่าวหาว่าตนจะทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่าเขา
น.ส.สุนาวรี กล่าวต่อ ชายดังกล่าวยังข่มขู่ว่า “รู้ไหมตนเป็นใคร” อ้างว่ารู้จักอัยการและผู้ใหญ่หลายคน และจะเอาเรื่องเราให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ หลังเกิดเรื่อง ตนก็ลงจากรถมาเจรจา โดยทหารบอกให้รับผิดชอบค่ากระจกที่เสียหายเป็นเงิน 8,000 บาท ตนยืนยันว่าพร้อมชดใช้ เพราะที่ลงมือก็เกิดจากบันดาลโทสะ
ผู้สื่อข่าวรายงาน ระหว่างการสอบปากคำมีนายทหารยศนายพล พ่อของทหารคนดังกล่าว เข้ามาบอกว่า ลูกชายตนอาจจะเป็นผู้ถูกกระทำก่อน ปกติแล้วลูกชายจะเป็นคนอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้าใครมาทำอะไรที่ไม่ถูกต้องเขาจะไม่ยอม เพราะเขาเป็นคนยึดความถูกต้องเป็นที่ตั้ง เช่นว่าหากไปขึ้นเครื่องบิน เขาก็จะต้องต่อแถวตลอด นอกจากนี้ เขายังได้รับประกาศนียบัตรจากพระชั้นผู้ใหญ่ระดับประเทศ เป็นคนธรรมะธัมโม ที่ผ่านมาจะอยู่ในโอวาสตลอด
พ่อทหารกล่าวต่อ ตนไม่อยากเอาเรื่องค่าเสียหายใดๆ แต่ลูกชายไม่ยอม ซึ่งตนก็อยากให้อภัยซึ่งกันและกัน แต่เชื่อว่าที่มีปัญหากันอาจเคยมีเรื่องกันตั้งแต่อดีตชาติ
ด้าน พ.ต.อ.กฤตินาท ยังไม่แจ้งข้อหากับฝ่ายใด พร้อมยืนยันให้ความเป็นธรรมทั้งคู่
