เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 27 มกราคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รอง ผบช.ก. รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รรท.ผกก.2 และ พ.ต.ต.กรกช ยงยืน สว.กก.2 พร้อม นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี และผู้เสียหาย 5 ราย แถลงจับกุม น.ส.วิไลลักษณ์ หรือโบว์ อินทรพิทักษ์ อายุ 36 ปี ชาวจ.นนทบุรี ผู้ต้องหาฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น พร้อมบัตรเอทีเอ็ม และโทรศัพท์มือถือ ได้ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ซอยข้าวมันไก่ หมู่ 1 ต.เชียงทอง อ.วังเจ้า จ.ตาก
พล.ต.ต.ชาญกล่าวว่า ผู้แทนมูลนิธิปวีณาฯ เข้าแจ้งความ ว่า มีผู้แอบอ้างเป็นจ้าหน้าที่มูลนิธิหลอกผู้เสียหายที่ต้องการความช่วยเหลือ อาทิ ค่ารักษาพยาบาล ค่าอาหารเลี้ยงดูแมว สุนัข จรจัด โดยโพสต์ข้อมูลการขอความช่วยเหลือไว้ตามเพจเฟซบุ๊ก จากนั้น น.ส.วิไลลักษณ์จะอ้างว่ามูลนิธิปวีณาฯ จะให้ความช่วยเหลือโดยโอนเงินให้ 2 แสนบาท แต่ต้องมีค่าธรรมเนียม และต้องชำระภาษี จึงขอให้ผู้เสียหายโอนเงินมาให้ก่อน 14,000-17,000 บาท มีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้หลายราย สร้างความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท
พล.ต.ต.ชาญกล่าวต่อว่า หลังจากผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกลวง จึงแจ้งความดำเนินคดีไว้ในหลายท้องที่ อาทิ สภ.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ สภ.เมืองสมุทรสาคร สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี และ สน.คลองตัน ส่วนทางมูลนิธิปวีณาฯแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน บก.ป. หลังจากนี้ชุดสืบสวนจะเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาก่อนอายัดและขยายผลทางคดี หากพบว่ามีผู้เกี่ยวข้อง
สอบสวน น.ส.วิไลลักษณ์รับว่า ก่อเหตุจริง ทำเพียงคนเดียว หาข้อมูลตามเฟซบุ๊ก ที่มีการร้องขอความช่วยเหลือจากบุคคลทั่วไป ก่อนอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิให้การช่วยเหลือ แต่ผู้เสียหายต้องโอนเงินเป็นค่าดำเนินการ ค่าธรรมเนียม ภาษี มาให้ก่อน ก่อเหตุมานานกว่า 10 เดือน จำไม่ได้ว่ามีผู้เสียหายกี่ราย นำเงินไปใช้หนี้พนันไฮโล ที่จ.กำแพงเพชร อยากขอโทษผู้เสียหายทุกรายที่หลอกลวงไป ขณะนี้สำนึกผิดแล้ว ยืนยันว่าจะไม่กระทำผิดซ้ำอีก
ด้านนางแอ๊ว (นามสมมุติ) ชาว จ.ชลบุรี หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อเดือนธันวาคม 2558 เคยประกาศขอความช่วยเหลือ ในเพจ “กองทุนมือถือช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์” เนื่องจากบุตรสาววัย 2 ขวบ 9 เดือน ป่วยเป็นโรคเม็ดเลือดผิดปกติ มีอาการกระดูกพรุน ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก แต่มีรายได้น้อย ต่อมาผู้ต้องหาโทรศัพท์ติดต่อมาอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พร้อมจะช่วยเหลือเป็นเงิน 3 แสนบาท และอาจพิจารณาให้เข้าทำงานที่มูลนิธิฯ แต่ต้องโอนเงินค่าดำเนินการ ค่าธรรมเนียม และภาษี 15,000 บาท บอกไปว่าขณะนี้ยังไม่มีเงิน ผู้ต้องหาจะเร่งรัดโดยหว่านล้อมต่างๆ นานา จนรู้สึกกดดัน ในที่สุดก็หาเงินมาโอนไปให้ จากนั้นเพียงครึ่งชั่วโมงก็ไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้อีก ก่อนเข้าแจ้งความที่สภ.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี
นางปวีณากล่าวว่า พาผู้เสียหายเข้าแจ้งความโดยประสานผ่านทาง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ต้องขอบคุณตำรวจ ที่เร่งรัดดำเนินการ กระทั่งสามารถจับกุม น.ส.วิไลลักษณ์ได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้มีขบวนการแอบอ้างหลายราย อย่าหลงเชื่อ ส่วนผู้มีจิตกุศลอยากจะบริจาคเงินให้มูลนิธิฯ จะมีเพียงบัญชีธนาคารในชื่อมูลนิธิฯเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าว ผู้ต้องหาได้ยกมือไหว้ขอโทษกลุ่มผู้เสียหายที่เดินทางมาชี้ตัวและแถลงข่าว รวมทั้งก้มกราบขอโทษนางปวีณา โดยนางปวีณาบอกให้เลิกกระทำการลักษณะเช่นนี้ เพราะเปรียบเสมือนการซ้ำเติมผู้เดือดร้อน จากนั้นจึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.แหลมฉบัง ดำเนินคดีต่อไป
