แม่-เมีย เศร้ารับศพหนุ่มเคอรี่ ยัน ลูกชายไม่มีส่วนร่วมก่อเหตุได้ยินเรื่องอิทธิพล”แรง”

แม่-เมีย เศร้ารับศพหนุ่มเคอรี่ ยัน ลูกชายไม่มีส่วนร่วมก่อเหตุ ตอนมีชีวิตเป็นกำลังหลักครอบครัว ได้ยินเรื่องอิทธิพลละแวกนั้น”แรง”

เมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 16 มิถุนายน ที่อาคารพยาธิวิทยา นิติเวชโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ถนนราชดำริ แขวงและเขตปทุมวัน กรุงเทพฯ นางแดง จิตกระแส อายุ 53 ปี มารดา นายวีรวัฒน์ พึ่งครุฑ อายุ 20 ปีหนุ่มเคอรี่ ผู้เสียชีวิตจากกรณีคดีทะเลาะวิวาทของกลุ่มวิน จยย. ปากซอยสุขุมวิท 103พร้อมด้วย น.ส.เฉลิมขวัญ  ง่วนกี่ อายุ 18 ปี ภรรยา เข้ารับศพนายวีรวัฒน์ ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นไปด้วยความโศกเศร้า

นางแดง มารดาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า  เหตุการณ์ในวันนั้นลูกชายได้ขับรถเข้าบ้าน เพื่อไปปลุกเมียกินข้าว แล้วถามว่าแม่จะกินอะไรไหม ตอนนั้นเรารับจ้างซักผ้าอยู่ เลยตอบลูกไปว่า “แม่อยากกินอะไรร้อนๆ จะออกไปซื้อก๋วยเตี๋ยวร้านป้าเยาว์ที่หลังตลาด” เราเดินไปแล้วร้านก๋วยเตี๋ยวปิด จึงเดินไปเรื่อย เพื่อหาซื้ออะไรกิน นึกขึ้นมาได้ว่าจะให้ลูกสะใภ้ย้อมผมให้ เลยจะเดินไปซื้อยาย้อมสีผมที่ร้านสมใจ ร้านสมใจอยู่ตรงจุดที่เกิดเหตุพอดีเราไม่รู้ โผล่ออกไปเขาตีกันอยู่แล้ว เราไปยืนก็เห็นลุงของลูกชายที่ชื่อเขียด กำลังตะโกนห้ามเขากันอยู่ เราก็พยายามตะโกนเรียกชื่อ เขียด แต่ตอนนั้นเสียงอื้ออึงไปหมด กระทั่งเหลือบไปเห็นลูกชาย ก็กลัวลูกชายจะโดนลูกหลง เพราะลูกก็เพิ่งแยกกับเรามา จึงตะโกนเรียกชื่อลูกว่า ไอ้กานต์ เพื่อให้ลูกรีบเข้าบ้าน ลูกก็บอก “ไปๆ แม่ แต่คนแถวบ้านเราถูกตีนะ” เราจึงบอกไปว่า “เออเราก็ช่วยใครไม่ได้หรอก”

จากนั้นลูกจึงเดินนำหน้าพร้อมบอกว่า “หนูไปเอารถเข้าบ้านนะแม่”  เราจึงบอกว่า “เข้าบ้านไปเลยนะ” ลูกเลยถามกลับว่าแม่ล่ะ ตนจึงบอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวแม่เดินซื้อของกินเข้าไปตามหลัง เราก็เข้าไปตามหลังซึ่งตอนนั้นลูกเราอยู่ในบ้านแล้ว เวลาผ่านไปสักระยะ เราก็ออกมายืนตรงลานบ้านเพื่อจะซักผ้า จากนั้นได้ยินเสียงเหมือนคนเฮกันมาดังมากแต่ไม่รู้มาจากทางไหน จึงโผล่หน้าออกไปดู ก็เห็นตะลุมกันอยู่กลางซอยห่างจากบ้านเรา 3-4 หลัง จึงเรียกลูกสะใภ้ให้ลงมาเก็บรถจยย. เพราะมีคนตีกัน ลูกสะใภ้กำลังจะลงมาแต่อย่างไรไม่รู้ลูกชายเราบอกว่าจะลงมาเก็บเอง เราก็คอยให้ลูกมาเข็นรถเข้าไปในบ้าน เพื่อจะรอปิดประตูบ้าน แต่พอลูกจับได้แค่ตัวรถจักรยานยนต์ลูกก็ล่วงลงไปเลย เราก็ไม่รู้ว่ากระสุนมันมาจากทางไหน หลังเกิดเหตุก็ได้เรียกรถพยาบาลให้มาช่วยพาลูกชายไปรักษา แต่ก็ติดที่กลุ่มผู้ก่อเหตุขัดขวางทำให้พาตัวไปรักษาไม่ทัน เป็นเหตุให้เสียชีวิต

Advertisement

นางแดง ยืนยันว่า ตนและลูกชายไม่ได้เกี่ยวข้องและร่วมก่อเหตุ แต่ที่ปรากฏภาพอยู่ในเหตุการณ์  เนื่องจากตนกำลังจะออกไปซื้อของ และเห็นลูกยืนอยู่กับเพื่อนบ้านอีกราย โดยขณะนั้นเห็นว่ามีคนทำร้ายกันอยู่ จนถึงตอนนี้ครอบครัวยังทำใจไม่ได้กับความสูญเสียที่เกิดขึ้น เพราะลูกสะใภ้ก็มีอายุครรภ์เพิ่งจะ 4 เดือน และโดยปกติลูกชายเป็นเสมือนเสาหลักของบ้าน ที่หาเลี้ยง ส่งเสีย ผ่อนชำระค่าบ้านมาตลอด กว่า 24 ปีที่อาศัยที่บ้านหลังดังกล่าว ไม่เคยเจอเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ ยอมรับยังคงผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกลัวว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะกลับมาทำร้ายอีก

“ยังรู้สึกเศร้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะลูกชายถือเป็นเสาหลักให้กับครอบครัว ซึ่งตนไม่รู้ว่าลูกชายเคยไปมีเรื่องกับใครมาก่อนหรือไม่ แต่เท่าที่รู้ลูกชายเป็นคนดี รักครอบครัว และเป็นคนขยัน เงินที่ได้มาจากการทำงานส่งพัสดุเอกสาร ก็มักจะแบ่งส่วนหนึ่งมาเป็นค่าผ่อนบ้าน และของใช้ในบ้านเป็นประจำทุกเดือน เมื่อลูกชายเสียชีวิตไปก็ไม่รู้จะมีใครช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ได้อีก อยากร้องขอให้ตำรวจติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้”

อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลัง มารดาของผู้เสียชีวิตบอกแต่เพียงว่า เคยได้ยินคนในละแวกบอกว่า “แรง” แต่ก็ไม่รู้ว่าคำว่าแรงในที่นี้หมายถึงอะไร

Advertisement

ทั้งนี้ทางครอบครัวจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบางนาใน โดยจะตั้งสวดพระอภิธรรม 3 วัน และจะมีพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 19 มิถุนายน นี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image