อดีตปลัด พม.-บิ๊ก ขรก.เคหะฯ ไต่สวนพยานบ้านเอื้ออาทรนัด 5

อัยการส่งอดีตปลัด พม.-อดีตผู้บริหารระดับสูง กคช.กองประชุม-กองประมูลสัญญา ไต่พยานบ้านเอื้ออาทรนัดที่ 5 รอไต่พยานอีก 5 ส.ค.นี้ ศาลแจ้งสั่งคำร้องวัฒนาไต่สวนหาคนรับผิดชอบคำพยานชั้น ป.ป.ช.-คตส.คลาดเคลื่อนนัดหน้า ขณะที่ศาลออกข้อกำหนดปรามการเสนอข้อมูลคดี ห้ามย่อเรื่อง-รายงานไม่เป็นธรรม สร้างอิทธิพลเหนือความรู้สึก ปชช.-ศาล กระทบคดี

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 กรกฎาคม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง “นายวิชัย เอื้ออังคณากุล” รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีบ้านเอื้ออาทร คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ หมายเลขดำ อม.42/2561 และ 102/2561 นัดไต่สวนพยานโจทก์ครั้งที่ 5 คดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวัฒนา เมืองสุข อายุ 61 ปี อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ยุครัฐบาลทักษิณ 2 และแกนนำพรรคเพื่อไทย จำเลยที่ 1, นายมานะ วงศ์พิวัฒน์ อดีตกรรมการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และอดีตประธานอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการปี 2548-2549 จำเลยที่ 2, นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจก่อสร้างที่พักอาศัย จำเลยที่ 3, นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่ จำเลยที่ 4, นายอริสมันต์ หรือกี้ร์ พงษ์เรืองรอง อายุ 55 ปี อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย จำเลยที่ 10 และกลุ่มเอกชนรวม 14 ราย เป็นจำเลย โดยคดีมีจำเลย 4 ราย ที่ไม่มาศาลมีพฤติการณ์หลบหนีศาลได้ออกหมายจับไว้แล้ว คือ น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว, น.ส.รุ่งเรือง ขุนปัญญา พนักงานบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด จำเลยที่ 6-7 และผู้แทนนิติบุคคล บริษัท พาสทิญ่าไทย จำกัด, บริษัท นามแฟทท์ คอนสตรัคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด จำเลยที่ 11-12

ในความผิดเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มาตรา 157, ฐานเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อให้กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, 11 และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 91

วันนี้ นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) จำเลยที่ 1, นายอริสมันต์ อดีต ส.ส.ไทยรักไทยไทย จำเลยที่ 10 และจำเลยร่วมคนอื่นๆ ที่ได้รับการประกันตัวเดินทางมาศาล ขณะที่ศาลก็ได้เบิกตัว นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร จำเลยที่ 4 และ น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง ลูกน้องเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 5 ซึ่งถูกจำคุกในคดีทุจริตโครงการระบายข้าวจีทูจี มาจากเรือนจำเพื่อร่วมฟังการพิจารณาต่อหน้าจำเลยด้วย

Advertisement

โดยวันนี้ อัยการโจทก์ นำพยานเข้าไต่สวนรวม 5 ปาก ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริหารระดับสูงใน กคช.ระดับอดีต ผอ.-รอง ผอ.กองการประชุม ที่เคยปฏิบัติหน้าที่ช่วงดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทร, รอง ผอ.กองประมูลและสัญญาก่อสร้าง
รวมทั้งอดีตปลัดกระทรวง พม. ซึ่งเคยได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ และกรรมการ (บอร์ด) กคช.ด้วย

ซึ่งการไต่สวนทั้งศาล อัยการโจทก์ และฝ่ายจำเลย ได้ซักถามรวมทั้งการซักค้านประเด็นขั้นตอนการทำรายงานการประชุมของบอร์ด กคช. และประเด็นสำคัญที่พาดพิงถึงเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 4 ว่าเคยมีการสั่งการจากเลขานุการที่ประชุมของบอร์ด ให้จัดส่งเอกสารหนังสือเชิญประชุม, รายงานการประชุม หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการประชุม ถึงที่ปรึกษา รมว.พม. 7 ครั้ง ที่อ้างว่ามีการระบุถึงชื่อนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร จำเลยที่ 4 หรือไม่ โดยทนายความจำเลยพยายามซักค้านว่าจำเลยที่ 4 ไม่เคยยุ่งเกี่ยวแทรกแซงกับการประชุมบอร์ด รวมทั้งไม่เคยถูกพาไปแนะนำตัวว่าเป็นที่ปรึกษา รมว.พม. ไม่เคยเข้าร่วมประชุมใดๆ นอกจากนี้ การไต่สวนพยาน ยังซักถามถึงหลักเกณฑ์การจัดโปรโมต Pre-Sale (ขายจองล่วงหน้า) โครงการให้ได้ตามเงื่อนไขที่ประกาศไว้ กับหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินล่วงหน้าที่จะได้ 15% จากยอดมูลค่าโครงการ (ค่าที่ดิน+ค่าก่อสร้าง) หรือจากยอดค่าก่อสร้าง

โดยเมื่อศาล อัยการโจทก์ และฝ่ายจำเลย ซักถามพยานโจทก์ทั้ง 5 ปากดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว ศาลนัดไต่สวนพยานโจทก์ ครั้งต่อไปวันที่ 5 ส.ค.นี้ เวลา 09.30 น. และที่จำเลยที่ 4, 8 ขอยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมครั้งที่สองนั้น ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมในการพิจารณาคดีให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนจึงอนุญาต

Advertisement

ส่วน “นายวัฒนา” จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องต่อศาล ขอให้ไต่สวนหาผู้รับผิดชอบ กรณีที่อ้างว่าตรวจพบว่าบันทึกคำให้การของพยาน 2 ราย คือนายพิทยา เจริญวรรณ กับนายพรศักดิ์ บุณโยดม ในชั้น ป.ป.ช. กับชั้นคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) อาจคลาดเคลื่อนอย่างมีนัยยะสำคัญที่อาจจะส่งผลเสียหายต่อจำเลยที่ 1

วันนี้ “องค์คณะฯ” แจ้งให้จำเลยทราบว่า ตามที่ศาลมีคำสั่งให้อัยการโจทก์ที่ได้แถลงคัดค้านกรณีดังกล่าว ทำคำคัดค้านเป็นเอกสารเสนอศาลมาภายในวันที่ 18 ก.ค.นั้น เนื่องจากศาลเพิ่งได้รับเอกสารจากอัยการโจทก์เมื่อวานนี้ (18 ก.ค.) ซึ่งจะต้องพิจารณารายละเอียดเพื่อประกอบการวินิจฉัยโดยวันนี้มีไต่สวนพยานโจทก์ในคดีอยู่ด้วย จึงให้รอฟังคำสั่งเรื่องคำร้องของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวในนัดหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการไต่สวนพยานคดีกล่าวหาทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ผ่านมานั้น หลังจากที่มีเหตุการณ์ในการสื่อสารเกี่ยวกับข้อมูลคดีจนอาจกระทบการพิจารณาได้ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา “องค์คณะฯ” จึงได้ออกข้อกำหนดระหว่างการพิจารณานี้ว่า ห้ามไม่ให้ผู้ใดกระทำการ 1. ให้ข่าว, รายงาน หรือย่อเรื่องกระบวนพิจารณาคดีอย่างไม่เป็นธรรมและไม่ถูกต้อง 2.ทำการวิภาค (ภาษาตามกฎหมาย) โดยไม่เป็นธรรมในการดำเนินคดีของคู่ความ หรือคำพยานหลักฐาน รวมทั้งการแถลงข้อความที่เป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียงของคู่ความ, พยาน 3.ชักจูงให้เกิดมีคำพยานเท็จ โดยการกระทำนั้นประสงค์จะให้มีอิทธิพลเหนือความรู้สึกของประชาชน หรือเหนือศาล, คู่ความ, พยานหลักฐาน ที่จะมีผลทำให้การพิจารณาคดีเสียความยุติธรรมไป โดยการออกข้อกำหนดดังกล่าวเป็นไปตามอำนาจประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ป.วิ.แพ่ง) มาตรา 30, 32 , 33

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image