ผู้การ ปคบ.ยันคลิปชายอ้างเป็นตำรวจรีดไถนั้นไม่ได้อยู่ในสังกัด ส่งตรวจสอบ เผยพบที่อยู่ในสมุทรปราการ แต่ตามไม่ได้
กรณีนายชัยยศ ศิริมงคล ชาว อ.หาดใหญ่ โพสต์คลิปเฟซบุ๊ก 2 คลิป เตือนภัยสังคมว่าถูกชายฉกรรจ์แต่งกายคล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบ 5 คน ข่มขู่เรียกรับเงินสินบนโดยอ้างว่าตนเองได้ทำธุรกิจที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมชูตราสัญลักษณ์กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) แต่ผู้โพสต์เชื่อว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ใช่ตำรวจจริง
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ผบก.ปคบ.) กล่าวยืนยันว่าจากการตรวจสอบบุคคลตามคลิป ไม่ใช่ตำรวจในสังกัด บก.ปคบ.แน่นอน ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่ กก.2 และ กก.3 บก.ปคบ.ได้ลงพื้นที่สืบหาตัวกลุ่มคนดังกล่าวยัง อ.หาดใหญ่แล้ว พร้อมช่วยประสานนายชัยยสไปแจ้งความร้องทุกข์กับท้องที่
โดยภายหลังที่ได้สอบถามข้อมูลจากตัวผู้โพสต์คลิป เจ้าตัวยอมรับว่าตนเองลอบนำน้ำมันจากประเทศมาเลเซียมาแบ่งบรรจุขวดขายอย่างไม่ถูกกฎหมาย จึงเป็นช่องทางให้กลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมารีดไถตั้งแต่ปลายปี 2561 ส่วนคลิปเหตุการณ์ที่โพสต์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หนึ่งในนั้นเป็นชายผมสั้นสวมเสื้อยืดคอกลมสีเทา ชูตราสัญลักษณ์ปลอม บก.ปคบ. หันหน้าไปพูดคุยกับชายที่นั่งอยู่บนรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะแค็บสีขาว ทะเบียน 1 กค6531 กทม. โดยเรียกว่า “ผู้กอง” ได้ตรวจสอบชื่อผู้ถือครองรถยนต์ดังกล่าว พบว่ามีที่อยู่ใน ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขตกล่าวต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจที่พักอาศัยของบุคคลนี้ กลับไม่พบตัวและติดต่อไม่ได้แต่อย่างใด ขณะที่ฝ่ายนิติบุคคลของที่พักอาศัยแห่งนั้น ยืนยันว่าชายคนที่มีชื่อปรากฎนี้ มีตัวตนจริง แต่ไม่พบมานานเป็นปีแล้ว ซึ่งกำลังตรวจสอบเพิ่มเติมว่า รถกระบะที่ใช้นั้นได้ถูกสวมทะเบียน หรือทำเรื่องผิดกฎหมายอื่นๆ มาอีกหรือไม่ ทั้งนี้ โทษสำหรับบุคคลที่แอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ มีความผิดตามมาตรา 145 ของกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หากมีพฤติกรรมกรรโชกทรัพย์และกระทำสำเร็จ จะมีโทษหนักขึ้น จึงแนะนำประชาชนที่ประกอบธุรกิจ ให้ดำเนินการขออนุญาตกับหน่วยงานภาครัฐให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าจะ สมอ.,สคบ., อย.เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่จะถูกกลุ่มมิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางข่มขู่เรียกรับผลประโยชน์ได้
