โร่แจ้งกองปราบอ้างถูกตร.นับสิบ ซ้อมอ่วมยกครัว 3 เดือนเรื่องยังเงียบ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 กรกฎาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วยนางนี (นามสมมุติ) อายุ 51 ปี และด.ช.อิก (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.หญิง ศรสิรัศฐิ์ นิยมรส ร้อยเวรสอบสวน กก.6 บก.ป. เพื่อให้ช่วยติดตามคดีที่ตนและครอบครัวถูกทำร้ายร่างกายระหว่างที่เจ้าหน้าที่คุมตัวไปสอบสวน

นางนีกล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา เวลา 15.30 น. มีกลุ่มชายปริศนาอ้างว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ ประมาณ 10 คน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบ เดินทางมาที่บ้านพักใน อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อมายึดรถยนต์ ฮอนด้าแจ๊ซ สีดำ โดยได้พบกับ ด.ช.อิก ด.ช.อิกจึงพากลุ่มชายฉกรรจ์ไปหาตนและครอบครัวที่ทำงานอยู่ในสวนปาล์ม ซึ่งห่างจากบ้านพักหลังแรกประมาณ 10 กิโลเมตร โดยในบ้านพักหลังดังกล่าว มีตน ลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลานวัย 5 ขวบ กับ 6 เดือน อาศัยอยู่ รวมทั้งหมด 6 คน

ต่อมา เวลา 17.00 น. กลุ่มชายฉกรรจ์ให้พาไปหาคนยืมรถยนต์ ชื่อนายแทน ซึ่งบ้านอยู่ใกล้กัน โดยให้ทั้ง 6 คนอยู่บนรถยนต์ตลอดเวลาและยึดโทรศัพท์มือถือไป 2 เครื่อง จากนั้น เวลา 21.30 น. หลังไม่พบนายแทน กลุ่มชายฉกรรจ์ก็ให้พาไปหาสามีของตนที่ อ.เวียงสระ โดยนั่งรถยนต์ไปคนละคันกับลูกชาย ส่วนลูกสะใภ้กับหลานอีก 3 คน นั่งรวมไปอีกคัน ต่อมา เวลา 00.00 น. คนขับรถที่ตนนั่งมา พูดกับตนว่า “มึงไม่ยอมบอกความจริงว่าผัวมึงอยู่ไหนใช่ไหม” แล้วใช้กำปั้นทุบมาที่หน้าตน 1 ครั้ง ใช้ฝ่ามือและกำปั้นตีมาที่ใบหน้าและต้นคอ ทุบตีไปเรื่อยๆ โดยบังคับให้ตนบอกว่า สามีอยู่ที่ไหน พร้อมทั้งขู่ว่า “จะให้นายมาข่มขืนให้เป็นเมียนาย ถ้าเก่งแบบนี้”

นางนีกล่าวต่อว่า ต่อมา ชายฉกรรจ์ได้เปิดเสียงในมือถือให้คุยกับลูกชาย ลูกชายร้องโหยหวนบอกตนว่า “ผมเจ็บเขาทุบผม ช่วยผมด้วย เขาจะให้ผมเป็นแพะ” จากนั้น ชายอีกคนก็ใช้มือทุบที่แขนของตนและจับบิดแขนอย่างแรง เมื่อไปจอดรถที่หน้าโรงพัก คนขับรถก็เดินลงมาใช้มือผลักและขู่ตนว่า “จะให้เป็นเมียนาย ถ้ายังไม่ยอมบอกว่าสามีอยู่ที่ไหน” หลังจากนั้นก็ถูกชายที่นั่งข้างๆ เอามือทุบที่หน้าอกอีก 2 ครั้ง

Advertisement

จากนั้น เวลา 02.30 น. ได้เดินทางไปยังหมู่บ้านของสามี กลุ่มชายฉกรรจ์ได้ใช้มือกดศีรษะของตนอย่างแรงเพื่อป้องกันไม่ให้ใครเห็น จนถึงบ้านของสามีก็ยังคงกดศีรษะของตนไว้อยู่ เมื่อไปแล้วไม่พบตัวสามีก็พาตนมาที่ สภ.ปลายพญา โดยมีชายอีกหนึ่งคนเข้ามาตบตนระหว่างอยู่ในห้องพัก จนถึงวันที่ 11 เมษายน จึงปล่อยตัวกลับบ้าน โดยคืนเงินสดให้แต่ไม่ได้คืนโทรศัพท์มือถือให้ และไม่มีการแจ้งข้อหาใดๆ แก่บุคคลในครอบครัวทั้ง 6 คน

นางนีกล่าวอีกว่า ต่อมา วันที่ 14 เมษายน ตนได้เดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระแสง และเข้าแจ้งความที่ สภ.บางสวรรค์ แต่ทางร้อยเวรไม่รับแจ้งความและไม่ออกใบส่งตรวจร่างกายให้แต่อย่างใด แจ้งเพียงว่า อยู่คนละพื้นที่ จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.เวียงสระ ทางร้อยเวรแจ้งว่า ถ้าไม่ทราบชื่อคู่กรณี จะไม่สามารถแจ้งความได้ และไม่ออกใบส่งตรวจร่างกายให้ ต่อมาเรื่องเงียบหายไป จึงไปร้องเรียนที่ค่ายทหารวิภาวดี อ.เมืองสุราฎษร์ธานี โดยได้ประสานไปยังโรงพักให้ จึงเริ่มมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบจนได้รายชื่อมา แต่ก็เงียบหายไปพร้อมกับคำพูดของผู้กำกับว่า “ถ้าใครไม่ได้ทำร้ายคุณ คุณก็อย่าไปเอาเรื่องเขา เขาแค่ไปด้วยกันแค่นั่งข้างๆ เฉยๆ”

เบื้องต้น ทางกองปราบฯได้รับเรื่องไว้ ก่อนส่งเรื่องต่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ป.ป.ป.) ดำเนินการ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวโทษเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image