ดีเอสไอลงพื้นที่แม่ฮ่องสอน สอบต่างด้าวชาวพม่ารุกที่ดินคนไทย หลังหน่วยงานรัฐเพิกเฉย

วันที่ 25 กรกฎาคม 2562 พันตำรวจโท สมพร ชื่นโกมล ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเขตพื้นที่ 5 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้คณะพนักงานสืบสวน โดยเรืออากาศเอก ชัยธัช มารังค์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ ,นางสาวมะลิลา อารียลักขณากุล เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการ และนายชาญชัย แก้วประดับ เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการ เข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหากลุ่มบุคคลต่างด้าวบุกรุกอาศัยทำกินในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ประกอบด้วย อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน, อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์, สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1สาขาแม่ฮ่องสอน, สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 โดยมี นายพงศ์พีระ ชูชื่น นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน

โดยมติของที่ประชุม ทุกภาคส่วนจะบูรณาการทำตามหน้าที่ขอบเขตอำนาจของแต่ละหน่วยงานโดยการอำนวยการของนายอำเภอเมืองจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งจะสรุปผลการปฏิบัติงานภายในวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 นี้

สำหรับคดีดังกล่าว เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2561 นายธนโชติก์ รุ่งเหมันต์ อายุ 33 ปี และ นางอนงค์ รุ่งเหมันต์ ภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 42/15 หมู่ 8 ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ได้เข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว ว่าที่ดินของบิดาคือนายอรุณ รุ่งเหมันต์ ซึ่งมีหลักฐานการครอบครองสิทธิ์ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2542 ลำดับที่ 1550 จำนวน 3 แปลง 4 ไร่ ณ หมู่บ้านห้วยโป่งแข่ หมู่บ้านบริวารบ้านไม้แงะ หมู่ 8 ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ได้ถูกต่างด้าวชาวพม่า เข้ามายึดครองที่ดินของบิดาตนเอง โดยตนและภรรยา ได้เดินทางไปเรียกร้องความเป็นธรรมต่อหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องหลายหน่วย ตั้งแต่หน่วยจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 แม่ฮ่องสอน , ที่ว่าการอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน , หน่วยงานอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุริน , ตำรวจ สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน และสุดท้ายที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่ปัญหากลับไม่ได้รับการแก้ไขแต่อย่างใด

และดูเหมือนว่า หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่จะไปเข้าข้างกลุ่มต่างด้าวชาวพม่า ที่บุกรุกที่ดินของบิดาตนเอง และพยายามดึงเรื่องรวมไปถึงปกปิดข้อมูลเอกสารของบิดาที่เคยทำไว้ในหน่วยงานนั้นๆ สุดท้ายตนจึงขอร้องเรียนต่อสื่อมวลชน เพื่อขอให้เป็นสื่อกลางให้หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องระดับประเทศ ลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาให้กับตนและภรรยา ที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ไม่สามารถเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของบิดาได้ เนื่องจากถูกกลุ่มต่างด้าวชาวพม่ากดดันในหลายรูปแบบ ทั้งข่มขู่ ต่างๆ นานาและสร้างกำแพงรวมทั้งหลักรั้วเปิดทางเข้าบ้านของบิดาอีกด้วย

Advertisement

ขณะเดียวกันได้ทำหนังสือถึง หัวหน้าผู้ตรวจกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเมื่อเดือนกันยายน 2561 โดยในหนังสือเปิดผนึกดังกล่าว ได้ชี้แจงรายละเอียดตั้งแต่เริ่มมีการบุกรุกที่ดินจากต่างด้าวชาวพม่า และการเดินทางไปร้องขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง และผู้ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมไปถึงต่างด้าวชาวพม่า แต่ปรากฏว่า ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด ไม่พอยังถูกข่มขู่จากเจ้าหน้าที่รัฐในคราวนั้นอีกด้วย

หลังจากนั้น อีกไม่นาน เมื่อ 8 ม.ค. 2562 ได้ทำหนังสือร้องต่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI และทาง ดีเอสไอ ได้รับเป็นคดี และส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า คดีดังกล่าว มีความซับซ้อนและมีเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงานเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องและเพิกเฉยต่อการปฏิบัติหน้าที่ จนส่งผลให้เรื่องราวยุ่งเหยิงซับซ้อน จนเจ้าหน้าที่รัฐระดับจังหวัดไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

นางอนงค์นาถ รุ่งเหมันต์ ภรรยานายธนโชติก์ รุ่งเหมันต์ เปิดเผยว่าหลังจากที่ได้มีการร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นเวลา 2 ปี แล้วที่ไม่สามารถเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของบิดาของสามีได้เลย เนื่องจากถูกข่มขู่ กดดันต่าง ๆ นานา จากกลุ่มต่างด้าวในพื้นที่ดังกล่าว จนถึงขั้นมีการเขียนจดหมายมาติดที่บ้านหลังดังกล่าว เพื่อข่มขู่ตนเองและสามี ถึงขั้นจะฆ่าและข่มขืน โดยระบุว่า การร้องเรียนทำให้กลุ่มต่างด้าวชาวพม่า ต้องเสียเงินค่าทำบัตรประชาชนไปคนละ 35,000 บาทไปฟรี ๆ ซึ่งทำให้ตกอยู่ในภาวะหวาดกลัวอย่างหนัก อยากจะให้ทางเจ้าหน้าที่เร่งรัดการทำคดีให้แล้วเสร็จเร็วไว ทุกวันนี้จะไปไหนมาไหนต้องระวังตัวตลอดจนเครียดอย่างหนัก

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image