กรณีเพจดังโพสต์เรื่องราวที่กลุ่มผู้เสียหายถูกสาวมิจฉาชีพสวมรอยใช้รูปภาพสาวสวยเป็นโปรไฟล์เฟซบุ๊ก อ้างตัวเป็นลูกสาวของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก พูดคุยหลอกลวงให้เหยื่อตายใจ ก่อนชักชวนเข้าไลน์กลุ่มครอบครัว กระทั่งจับผิดได้ว่าคนร้ายปลอมตัวตนมาหลอกเอาเงิน
เมื่อเวลา 11.20 น.วันที่ 30 กรกฎาคม ที่ สน.วังทองหลาง นายจินดา วิริยะแสงจันทร์ หรือจิน เดอะวอยซ์ หนึ่งในผู้เสียหาย เข้าพบ พ.ต.อ.วรพงษ์ ภวเวส ผกก.สน.คลองตัน พร้อม พ.ต.ท.เชาวฤทธิ์ เงินฉลาด รอง ผกก.(สอบสวน) สน.คลองตัน เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกต่อ น.ส.วนิดา ทองตุ้ม หรือเฟีย ผู้ต้องหาในความผิดฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นไปเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
นายจินดากล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเริ่มตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้ทักแชตเฟซบุ๊กมาหาตน หลังจากที่ได้เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกันมาตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยระบุว่าตนเองได้เลิกแผนที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่เป็นนักกีฬาทีมชาติรายหนึ่ง ซึ่งคนร้ายเคยลงรูปภาพการ์ดเชิญเข้าร่วมงานไว้บนหน้าเฟซบุ๊กของตัวเอง โดยตนได้ไปตรวจสอบเฟซบุ๊กของนักกีฬาทราบได้ว่าเป็นตัวจริง เห็นว่าพูดคุยโต้ตอบกันกับผู้ต้องหา อีกทั้งเมื่อนำภาพบนเฟซบุ๊กผู้ต้องหาไปค้นดูตามเว็บไซต์ต่างๆ ก็ไม่พบ จึงเชื่อว่าเป็นตัวจริงเช่นกัน จากนั้นก็ได้พูดคุยกันเรื่อยมา
นายจินดากล่าวต่อว่า จนเดือนมิถุนายน ผู้ต้องหาบอกให้ตนซื้อเสื้อผ้าออนไลน์ ราคา 445 บาท ตนมองว่าน่าจะเป็นการลองใจจึงสั่งซื้อไปให้ โดยระหว่างที่พูดคุยกัน ตนพยายามขอวิดีโอคอล เเต่สาวรายนี้ไม่ยอม ก่อนดึงตนเข้าไลน์กลุ่มครอบครัว ซึ่งมีบุคคลหนึ่งตั้งไลน์เป็น ผบ.ทบ.ระบุว่า อยากให้ตนกับผู้ต้องหาคบกันเงียบๆ ไปก่อน เนื่องจากครอบครัวมีหน้าตา และลูกสาวอ้างตัวมียศเป็นหม่อม ระหว่างนั้นผู้ต้องหายังอ้างว่าแม่จะเอาบ้านเข้าจำนอง แต่ขาดเงินอีก 6 หมื่นบาท และขอเงินค่าเทอมอีก 20,550 บาท ตนก็โอนให้เบ็ดเสร็จในช่วงระยะเวลาที่คุยกัน 1 เดือน ตนโอนเงินให้ผู้หญิงคนนี้ไปเเล้วกว่า 150,000 บาท
ทั้งนี้ ตนเริ่มผิดสังเกต หลังจากได้สอบถามกับพนักงานที่ส่งของให้บ้านผู้ต้องหาเนื่องจากตนมักจะสั่งซื้อของไปส่งเป็นประจำว่าบุคคลที่มารับของเป็นอย่างไร ก่อนจะทราบว่าเป็นคนผิวคล้ำรูปร่างท้วม จนความจริงปรากฏเมื่อปลายเดือนมิถุนายน จึงพยายามขอเงินคืน แต่หญิงรายนี้ก็โอนเงินให้คืนเพียง 10,000 บาท ทั้งที่ตกลงว่าจะคืน 130,000 บาท ตนจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกิดจากความสะเพร่าของตนเองด้วยเช่นกัน เพราะไม่คิดจะมีใครเอาผู้ใหญ่ลงมาแอบอ้าง
พ.ต.ท.เชาวฤทธิ์กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีว่า พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยขณะนี้ได้รวบรวมหลักฐานเป็นเลขบัญชีธนาคาร 4 เล่มของคนร้าย พร้อมตรวจสอบทั้งอีเมล์ ไลน์ และเฟซบุ๊กที่ใช้ติดต่อกับคนร้าย โดยได้ออกหมายเรียกครั้งแรกไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถออกหมายจับได้ เพราะผู้เสียหายไม่เคยพบหน้าคนร้ายมาก่อน จึงไม่สามารถยืนยันตัวตนบุคคลได้ชัดเจน ทั้งนี้ ทาง สน.วังทองหลาง เตรียมประสานข้อมูลกับ สน.ทุ่งสองห้อง ซึ่งได้ออกหมายจับไปเรียบร้อยแล้ว