เมื่อวันที่ 28 มกราคม ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดี ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ และกลุ่มผู้ค้า รวม 44 ราย ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย อดีตผู้บริหารบริษัท สุขุมวิท ซิลเวอร์ สตาร์ จำกัด, และพวกรวม 130 คน เป็นจำเลยที่ 1-130 (คดีรื้อบาร์เบียร์ ซอยสุขุมวิท 10)ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์, บุกรุกในเวลากลางคืน และกักขังหน่วงเหนี่ยวข่มขืนใจให้บุคคลปราศจากเสรีภาพ
สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงเช้ามืดเวลา 04.00 น. ของวันที่ 26 มกราคม 2546 มีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายร้อยคน แต่งกายชุดซาฟารี พร้อมรถแบ็คโฮบุกเข้าทำลายร้านบาร์เบียร์ 60 ร้าน ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ บริเวณสุขุมวิทสแควร์ ซอยสุขุมวิท 10 กทม. เสียหายราบเป็นหน้ากลอง เนื่องจากกลุ่มนายทุนกลุ่มใหม่ได้ว่าจ้างให้เข้าไปรื้อร้านค้าของผู้เช่าเดิม เพื่อจะใช้พื้นที่ทำประโยชน์ ภายหลังตำรวจสืบสวนสอบสวนจนสามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสิ้น จำนวน 131 คน
สำหรับคดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ขณะที่คดีชั้นศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นให้จำคุกนายชูวิทย์ พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ และ พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร กับพวก รวม 66 ราย คนละ 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา และในจำนวนนี้จำเลยได้ยื่นต่อสู้คดีในชั้นฎีกา 44 คน
ล่าสุด นายชูวิทย์เดินทางมาศาลและสักการะศาลพระภูมิและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาล พร้อมกับครอบครัว พร้อมเผยก่อนขึ้นฟังคำพิพากษาว่าวันนี้มีความพร้อมและน้อมรับในคำพิพากษา อยากจะเป็นตัวอย่างให้กับนักการเมืองและประชาชนทั่วไปว่าจะต่อสู้คดีไม่หนีไปไหน และจะสู้จนนาทีสุดท้าย ซึ่งที่ผ่านมายืนยันว่าไม่เคยคิดแม้แต่นาทีเดียวว่าจะหนีไปใช้ชีวิตบนเรือยอชต์หรือต่างประเทศ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงว่าจะมีการขอพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ หากถูกตัดสินจำคุก นายชูวิทย์กล่าวว่า หากมีคำพิพากษาและต้องติดคุกจริงๆ ก็มีความพร้อม ก็ต้องขึ้นรถบัสของเรือนจำตามขั้นตอนปกติ ไม่เคยคาดหวังใดๆ สำหรับการเตรียมตัววันนี้ก็มีการเตรียมพระเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ในชีวิตนี้เป็นมาหมดแล้วทั้งเจ้าพ่อและหัวหน้าพรรคการเมือง ไม่เคยคาดหวังใดๆ และคิดว่าวันนี้ศาลคงจะอ่านคำพิพากษาโดยไม่มีการเลื่อนอีกแล้ว
ล่าสุด ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การกระทำของกลุ่มจำเลยมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าอย่างชัดเจน เป็นการกระทำที่อุกอาจรุนแรง พฤติการณ์ที่เข้าไปทำลายทรัพย์สินโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษส่วน นายชูวิทย์ได้มีการชดเชยให้ผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจแล้ว ประกอบกับได้นำที่ดินไปเป็นสวนสาธารณะให้กับประชาชนแทนการก่อสร้างศูนย์การค้า จึงมีเหตุให้ลดโทษ ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์ของรูปคดี จึงพิพากษาแก้ จากที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษาจำคุก 5 ปี เป็นคงจำคุก นายชูวิทย์ กับพวก รวม 66 คน คนละ 2 ปี แต่ในจำนวนนี้ มีจำเลย 7คน ให้นับโทษต่อจากคดีเดิม รับโทษตั้งแต่ 2 ปี15วัน , 4ปี
สำหรับ พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร หรือ เสธแอ๊ป กั บพวกรวม4คน ที่ไม่ได้เดินทางมาในวันนี้ให้ออกหมายจับมารับโทษภายในอายุความ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ปธ.ศาลฎีกา เซ็นย้ายด่วน ‘บิ๊กศาล’ ปมถูกร้อง ลวนลาม จนท.หน้าบัลลังก์ บนรถไฟตู้นอน
- จำคุก 8 เดือน “สนธิญาณ” ขวางเลือกตั้ง แก้โทษเป็นรอลงอาญา 2 ปี ส่วน 3 กปปส. รอด
- รองผู้ว่าฯ รอพิสูจน์! โครงสร้างพัง หรือขนหนักเกิน? ‘เร่งเปิดจราจร’ เตือนสายโหลด ลงโทษแรง
- คนเสื้อแดงตะโกน กึกก้องหน้าศาลฎีกา “นายกฯทักษิณ” ผกก.ชนะสงครามอำนวยสะดวกจราจร(คลิป)