ดีเอสไอบุกค้นโรงงานผลิตอาหารเสริม”โด๊ป”ชาย พบขรก.เป็นเจ้าของแบรนด์ เตรียมแจ้งข้อหา

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 28 มกราคม ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ร่วมกันแถลงผลตรวจค้นเป้าหมายสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและจำหน่ายอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของยาอันตราย 2 จุด ตามหมายศาลอาญาธนบุรีที่ 46/2559 และ 11/2559 ซึ่งเข้าตรวจค้นเมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา

พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า สืบเนื่องจากดีเอสไอได้รับการร้องเรียนว่ามีการจำหน่ายอาหารเสริมสมรรถภาพทางเพศ และมีการโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณว่าเป็นสารสกัดจากธรรมชาติแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ผ่านทางอินเตอร์เน็ตและเคเบิลทีวี โดยมีการจำหน่ายอย่างแพร่หลาย หลังจากดีเอสไอได้รับเรื่องร้องเรียนและไปดำเนินการตรวจสอบ โดยการล่อซื้ออาหารเสริมดังกล่าว เพื่อนำตัวยาไปตรวจสอบ ซึ่งผลจากการตรวจพบว่า เป็นอาหารเสริมที่ผสมสารซิลดาเนฟิล ซึ่งจัดเป็นยาอันตรายต้องห้ามไม่ให้ใส่ในอาหาร เพราะมีผลต่อการทำงานของระบบหัวใจและร่างกาย ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคโดยไม่ได้รับการควบคุมจากแพทย์เกิดอาการหัวใจวายและเสียชีวิตได้

พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวต่อว่า จากการตรวจค้นทั้ง 2 จุด คือ 1.โรงงานธนัทเฮิร์บพาณิชย์ เลขที่ 16/27 หมู่ 7 ถ.คลองสี่ตะวันออก ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นสถานที่ใชในการผลิตอาหารเสริมสมรรถภาพของแบรนด์ ดับเบิลแม็กซ์ และรับจ้างผลิตอาหารเสริมหลายชนิด ผลการตรวจค้นพบสารต้องสงสัยว่าเป็นสารต้องห้ามที่ใส่ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อาหารเสริมลดน้ำหนัก ยี่ห้อ บีบีพิงค์ 48 ลัง หนัก 1 ตัน อาหารเสริมสมรรถภาพ หนัก 1 ตัน อาหารเสริมสมรรถภาพทางเพศ ยี่ห้อ ทาซาน 10 ลัง แคปซูลเปล่าที่นำเข้าจากต่างประเทศ 5 ล้านเม็ด รวมทั้งเอกสารทางบัญชีและคอมพิวเตอร์จำนวนมาก และ 2.บ้านเลขที่ 59/171 ซ.บางบอน 3 แยก 12 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ ซึ่งเป็น้านของเจ้าของผลิตภัณฑ์แบรนด์ดับเบิลแม็กซ์ และยังมีสภาพเป็นสำนักงานและห้องบันทึกเทปอัดรายการ เพื่อโฆษณาสินค้าด้วย ทั้งนี้ ผลการตรวจค้นพบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดับเบิ้ลแม็กซ์ 500 ขวด โดยบรรจุ 60 เม็ดต่อขวด และกล่องปลิตภัณฑ์ ฉลาก แผ่นพับโฆษณา กล่องส่งไปรษณีย์ และเม็ดแคปซูลตราดับเบิลแม็กซ์ กว่า 2,000 เม็ด ที่รอการบรรจุลงขวด นอกจากนี้ ยังพบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีการแบ่งสัดส่วนจัดทำเป็นสำนักงานติดต่อซื้อขายทางออนไลน์ ห้องสต๊อกสินค้า 2 ห้อง เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน

ด้าน พ.ต.ต.สุริยากล่าวว่า จากผลการตรวจยึดดังกล่าว เป็นสิ่งของต้องสงสัยว่าอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 ตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2552 มาตรา 25 มาตรา 26 มาตรา 40 และมาตรา 41 ซึ่งมีโทษตามมาตรา 58 มาตรา 59 และมาตรา 70 ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 มาตรา 32 มาตรา 72 มาตรา 88 และมาตรา 88 ทวิ ซึ่งมีโทษตามมาตรา 101 มาตรา 120 มาตรา 122 และมาตรา 124 และ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 มาตรา 27 ทวิ และมาตรา 99

พ.ต.ต.สุริยากล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ลักลอบใส่ยาอันตรายเป็นส่วนผสม เพื่อให้เห็นผลตามที่อวดอ้างไว้ เช่น อาหารเสริมที่ทำให้ขาวจะมีการใส่ยาห้ามเลือด ยากำจัดเห็บ อาหารเสริมลดความอ้วนจะมีการใส่สารไซบูทรามีน เป็นต้น อย่างไรก็ตามทราบแล้วว่าใครเป็นเจ้าของแบรนด์ดังกล่าว เป็นข้าราชการ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป

ADVERTISMENT