โต้’ชูวิทย์’ยัน’วงศ์สกุล’ว่าที่อสส.ไม่มีเอี่ยวช่วยคดี’เสี่ยกำพล’ค้ามนุษย์’วิคตอเรีย’

รองโฆษก อสส.ยัน “วงศ์สกุล กิตติพรหมวงษ์”ว่าที่อสส.ไม่มีเอี่ยว ช่วยเหลือคดี”เสี่ยกำพล” ค้ามนุษย์ “วิคตอเรีย”เปิดข้อมูลโต้”เสี่ยอ่าง”สมควรเเสดงความรับผิดชอบ ยันยังสั่งฟ้องทั้ง2สำนวน เเม้ศาลวินิจฉัยไม่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ถูกลงโทษไปเเล้วส่วน ยังมีอายุความตามจับ20ปี “นิภา”เมียเสี่ยกำพล สั่งกลับคำสั่งไม่ฟ้องหลังร้องขอความธรรมอ้างคำพิพากษา

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 23 กันยายน ที่ห้องประชุม303 สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนเเจ้งวัฒนะ นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้เเถลงข่าวกรณีตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนเกี่ยวกับการดำเนินคดีของพนักงานอัยการผู้ต้องหารายบริษัท วิคตอเรียซีเคร็ท จำกัด ซึ่งมีผู้ต้องหาที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ คือนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ และนางนิภา วิระเทพสุภรณ์ ซึ่งเป็นภรรยาของนายกำพล โดยข่าวมีการพาดพิงถึงนาย ว. ซึ่งกำลังจะไปทำงานใหญ่โตแถวถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งนาย ว. ที่นำเสนอข่าวดังกล่าวเข้าใจว่าหมายความถึง นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ซึ่งเป็นว่าที่อัยการสูงสุด เข้าไปเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการสั่งคดีดังกล่าวนั้น งานโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดขอชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวคลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริง โดยนาย ว. หรือนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ และเป็นว่าที่อัยการสูงสุด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในการดำเนินคดีดังกล่าวเลย เนื่องจากคดีที่กล่าวหาผู้ต้องหาดังกล่าวที่สื่อมวลชนนำเสนอว่านาย ว. ซึ่งหมายความถึง นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ว่าที่อัยการสูงสุด เข้าไปเกี่ยวข้องนั้นคดีดังกล่าวไม่อยู่ในความรับผิดชอบในสำนักงานคดีพิเศษอีกทั้งไม่มีคดีที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับคดีดังกล่าวอยู่ในการพิจารณาของสำนักงานคดีพิเศษแต่อย่างใด

ซึ่งคดีที่กล่าวหานายกำพล , นางนิภา และบริษัท วิคตอเรียซีเคร็ท จำกัดนั้นอยู่ในอำนาจดำเนินคดีของพนักงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของสำนักงานคดีพิเศษที่นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ เป็นอธิบดีอียการอยู่

ส่วนรายละเอียดคดีที่กล่าวหานายกำพล , นางนิภา และบริษัท วิคตอเรียซีเคร็ท จำกัด กับพวกอีกหลายคนที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ รับผิดชอบอยู่จำนวน 2 เรื่อง โดยทั้ง 2 เรื่องที่มีการกล่าวหานายกำพล วิระเทพสุภรณ์ นั้น พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องทั้ง 2คดี แต่นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ได้หลบหนี โดยขณะนี้ศาลได้ออกหมายจับเพื่อนำตัวมาฟ้องภายใน อายุความแล้ว โดยในส่วนผู้ต้องหาอื่นๆ อีกหลายคน พนักงานอัยการได้ส่งฟ้องต่อศาลอาญา แผนกคดีค้ามนุษย์ในศาลอาญาในข้อหาค้ามนุษย์ โดยแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบในการค้าประเวณี เป็นธุระจัดหาและสมคบ โดยการตกลงกันตั้งแต่ 2คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ฯ ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตามฯ

Advertisement

เเละต่อมาทั้ง 2คดี ศาลได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27สิงหาคม 2561และ 24กันยายน 2561 ยกฟ้องจำเลยทุกคนในข้อหาค้ามนุษย์โดยแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบในการค้าประเวณี เป็นธุระจัดหาและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ฯ แต่ให้ลงโทษในข้อหาเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตามฯ นอกจากนี้คำพิพากษายังมีการวินิจฉัยด้วยว่านายกำพล และนางนิภา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดที่ศาลลงโทษจำเลยคนอื่นๆ ดังกล่าว ซึ่งหลังจากศาลมีคำพิพากษาทั้งนายกำพลและนางนิภา ได้ร้องขอความเป็นธรรมขอให้พนักงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ เพื่อให้ทบทวนคำสั่งโดยส่วนหนึ่งอ้างอิงคำพิพากษาดังกล่าว ซึ่งต่อมาอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีค้ามนุษย์ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า หนังสือร้องขอความเป็นธรรมฟังขึ้นในส่วนของนางนิภาจึงกลับความเห็น สั่งไม่ฟ้องซึ่งรองอัยการสูงสุดเห็นด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้องของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นพ้องด้วย โดยไม่แย้งในการกลับคำสั่งดังกล่าว คดีจึงถึงที่สุดตามขั้นตอนของกฎหมายเเต่ในส่วนของนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีค้ามนุษย์ยืนยันฟ้องนายกำพลไปตามคำสั่งเดิมทั้ง 2คดี
ขณะนี้อยู่ระหว่างรอพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษติดตามตัวนายกำพลมาให้พนักงานอัยการเพื่อส่งฟ้องภายในอายุความต่อไป

ทั้งนี้ นายประยุทธ ยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ที่ว่าสำนักงานอัยการสูงสุด และนายวงศ์สกุล จะมีการดำเนินคดีกับ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ได้เขียนบทความเผยแพร่ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งที่อ้างถึง นาย ว. ซึ่งให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนหรือไม่ นายประยุทธรองโฆษกอัยการ กล่าวว่า การแถลงข่าวนี้เพื่อให้เกิดความเข้าใจในสิ่งที่คาดเคลื่อนเพราะถือเป็นความเสียหายร้ายแรง โดยเรื่องทางกฎหมายนั้น “ว่าที่อัยการสูงสุด”ยัง ไม่ได้ประสงค์ที่จะดำเนินการใดๆ ในทางกฎหมาย อย่างไรก็ดีในส่วนของนายชูวิทย์ หากเห็นว่า สิ่งที่ได้ดำเนินการมานั้นมีข้อผิดพลาด ก็ควรที่จะออกมาดำเนินการใดๆ เพื่อแสดงความรับผิดชอบ

เมื่อถามว่า มีข้อน่าสงสัยหรือไม่ว่าเหตุใดจึงพุ่งเป้ามาที่นายวงศ์สกุล รองโฆษกอัยการ ระบุว่า นายวงษ์สกุลเองก็ยังสงสัยเหมือนกันว่าเหตุใดจึงพุ่งเป้ามาที่ตน ทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีอำนาจสอบสวนคดีดังกล่าวและไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น

Advertisement

โดยเมื่อถามย้ำถึงการดำเนินคดีกับเสี่ยกำพลและนางวิภา นายประยุทธ รองโฆษกอัยการ ระบุว่า ในส่วนของนายกำพล ก็มีระยะเวลาในการติดตามตัวมาดำเนินคดีภายในอายุความ 20 ปี ซึ่ง DSI จะเป็นผู้ดำเนินการติดตามตัว หากพบว่ามีได้หลบหนีไปต่างประเทศและมีข้อมูลที่อยู่ในต่างแดน ก็จะต้องประสานมายังสำนักงานอัยการต่างประเทศเพื่อจะดำเนินการขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image