ตำรวจควบคุมตัวส.ต.ท.สัญลักษณ์ ที่ถูกจับกุมในคดียาเสพติดและอาวุธปืนพร้อมลูกชายผู้นำท้องถิ่นไปฝากขังผลัดแรกที่ศาลจ.สงขลาและถูกแจ้ง 4 ข้อหาพร้อมคัดค้านการประกันตัว เจ้าตัวยังยิ้มได้และปฏิเสธไม่ได้เสพและค้ายาเสพติด
หลังจากที่ ส.ต.ท.สัญลักษณ์ จันทร์ดำ อายุ 24 ปี หรือแบงค์ ผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ถูกตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางกล่ำจับกุมพร้อมกับ นายปิยะพงศ์ เรืองช่วย อายุ 31 ปี ลูกชายผู้นำท้องถิ่น พร้อมของกลางยาบ้า 89 เม็ด ยาไอซ์ 3.50 กรัมและอาวุธปืน 9 มม. ขณะตำรวจเข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 47/3 หมู่ 5 บ้านหนองขวน อ.บางกล่ำ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นบ้านเป้าหมายที่มีการมั่วสุมเสพยาเสพติดและค้ายาเสพติด
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 9 ต.ค. รายงานข่าวว่าพนักงานสอบสวน สภ.บางกล่ำ จ.สงขลา ได้ควบคุมตัว ส.ต.ท.สัญลักษณ์ และ นายปิยะพงศ์ ไปฝากขังที่ศาล จ.สงขลา ผลัดแรกโดย ส.ต.ท.สัญลักษณ์ ไม่ได้ออกอาการหวั่นวิตกหรือมีท่าทีที่เคร่งเครียดแต่อย่างใด ระหว่างนำตัวออกจากห้องขังยังมีสีหน้ายิ้มแย้ม
รายงานข่าวว่าจากการสอบถามเกี่ยวกับด้านคดี ส.ต.ท.สัญลักษณ์ ยืนกรานปฏิเสธว่าในส่วนของคดียาเสพติดทั้งยาบ้าและยาไอซ์ที่ยึดได้ ตนขอปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ได้เสพหรือค้ายาเสพติดในวันเกิดเหตุเพียงแต่นำกางเกงไปซ่อมซิปที่บ้านหลังนี้เท่านั้น แต่ยอมรับในคดีอาวุธปืน
รายงานข่าวว่า ส.ต.ท.สัญลักษณ์ เจ้าหน้าที่ได้คัดค้านการประกันตัว และถูกดำเนินคดีใน 4 ข้อหา คือ ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (น้ำต้มใบกระท่อม) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย,พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาติให้มีอาวุธปืนติดตัวและไม่มีเหตุอันควร ,มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (ใบพืชกระท่อมสด) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย(พืชใบกระท่อมจำนวน 2 มัด ที่ค้นพบในกระเป๋าสะพายยี่ห้อpoliceของส.ต.ท.สัญลักษณ์
พล.ต.ต. ทิวธวัช นครศรี ผบก.สงขลา กล่าวกรณีตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางกล่ำ จับกุม ส.ต.ท.สัญลักษณ์ พร้อมยาบ้าและไอซ์ว่า เรื่องนี้ก็ค่อนข้างจะมีความชัดเจน นโยบายของรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพภาคที่4 และ กองบัญชาการตำรวจภาค 9 จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับข้าราชการที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
“การปราบปรามยาเสพติดมีมาตรการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำเนินการต่อข้าราชการที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด คงต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง”
พล.ต.ต.ทิวธวัชกล่าวว่าในเบื้องต้นมีการดำเนินการทางคดีอาญาตามขั้นตอนอยู่แล้ว ส่วนในเรื่องทางวินัย ได้แจ้งไปยังต้นสังกัดไปแล้ว ต้นสังกัดจะมีการพิจารณาว่า ข้าราชการตำรวจนายนี้ สมควรที่จะให้อยู่รับราชการต่อไปหรือไม่ หรือควรจะให้พักรออะไรอย่างไร ตนคิดว่าวันนี้ผู้บังคับบัญชาคงจะพิจารณาในเรื่องนี้ว่า ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว
“ในความเห็นของผม ถ้าเป็นข้าราชการมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ผมเรียนตรงๆว่าผมดำเนินการอย่างเฉียบขาด”
