รวบสาวแสบหลอกตุ๋นลงทุนทำธุรกิจเสื้อผ้า เสียหายกว่า 16 ล้านบาท

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ตุลาคม ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พร้อม พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1, พ.ต.อ.ฐานุพงศ์ แสงซื่อ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ ร่วมกันแถลงผลจับกุม น.ส.ศิญาภัสร์ ปิยะตระกูลวิชญ์ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 656/2562 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2562 โดยกล่าวหาว่า “ฉ้อโกงประชาชน และกู้ยืมเงินโดยจัดให้มีบุคคลตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปชักชวนบุคคลต่างๆ เพื่อให้กู้ยืมเงินโดยตกลงว่าจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ให้กู้ยืม ในอัตราที่สูงว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายจะพึงจ่ายได้”   พล.ต.ท.อำพลกล่าวว่า สำหรับพฤติการณ์ผู้ต้องหากล่าวคือ ก่อนเกิดเหตุ กลุ่มผู้เสียหาย ได้รู้จักกับผู้ต้องหา ซึ่งอ้างต้นว่าตนเองมีความสัมพันธ์กับโรงงานทอผ้า บริเวณเขตบางบอน กรุงเทพมหานคร โดยผู้ต้องหา ได้ชักจูงกลุ่มผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจเกี่ยวกับการรับทำเสื้อส่งบริษัทต่างๆ รับประกันค่าตอบแทนในอัตราประมาณร้อยละ 50 ต่อเดือน กลุ่มผู้เสียหายหลงเชื่อและได้โอนเงินให้แก่ผู้ต้องหา โดยในช่วงแรกกลุ่มผู้เสียหายได้รับผลตอบแทนตามที่ผู้ต้องหารับประกันจริง โดยหลังจากนั้น ผู้ต้องหาจึงได้ชักชวนให้กลุ่มผู้เสียหายร่วมลงทุนเพิ่มอีก และใช้วิธีการให้กลุ่มผู้เสียหายชักชวนคนรู้จักมาร่วมลงทุนกับผู้ต้องหาเพิ่ม กลุ่มผู้เสียหายหลงเชื่อและร่วมลงทุนกับผู้ต้องหาเพิ่มอีก จำนวนหลายครั้งในอัตราเงินลงทุนที่สูงขึ้นตามลำดับ เพื่อหวังเงินตอบแทนในอัตราสูงขึ้น จนท้ายที่สุดในการลงทุนครั้งสุดท้ายผู้ต้องหา ได้บ่ายเบี่ยงที่จะจ่ายเงินค่าตอบแทน โดยอ้างว่าไม่สามารถเก็บเงินจากลูกค้าได้ พล.ต.ท.อำพลกล่าวต่อว่า เมื่อกลุ่มผู้เสียหายติดตามทวงถาม พบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีไปแล้ว จากการตรวจสอบพบว่าแท้จริงแล้ว ผู้ต้องหาไม่ได้นำเงินของกลุ่มผู้เสียหายไปลงทุนทำเสื้อตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด โดยผู้ต้องหาเพียงแค่นำเงินของกลุ่มผู้เสียหาย แต่ละคนที่ร่วมลงทุนกับผู้ต้องหา มาหมุนจ่ายให้แก่สมาชิกแต่ละคนเท่านั้น จนครั้งล่าสุด น.ส.ศิญาภัสร์ บ่ายเบี่ยงที่จะจ่ายค่าตอบแทน ให้เหตุผลว่าไม่สามารถเก็บเงินจากลูกค้าได้และหลบหนีไป ซึ่งสิ่งที่หลงเชื่อ เนื่องจาก น.ส.ศิญาภัสร์ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ทำให้มีความน่าเชื่อถือ และส่วนใหญ่ผู้เสียหายมักจะเป็นผู้ปกครองของนักเรียน ด้าน พ.ต.อ.ฐานุพงศ์กล่าวว่า จากการตรวจสอบ น.ส.ศิญาภัสร์ ไม่ได้นำเงินของกลุ่มผู้เสียหายไปลงทุนทำเสื้อตามที่กล่าวอ้าง เพียงนำเงินไปมาหมุนจ่ายให้แก่สมาชิกแต่ละคนเท่านั้น และเมื่อกลุ่มผู้เสียหายร่วมลงทุนจำนวนมากขึ้น ไม่สามารถหมุนเงินได้ทันทำให้ไม่มีเงินจ่ายค่าตอบแทนแก่กลุ่มผู้เสียหาย ซึ่งทำมาแล้ว 3-4 เดือน ทั้งนี้ตำรวจเชื่อว่ายังมีผู้สียหายมากกว่า 18 ราย ความเสียหายมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท จึงฝากประชาสัมพันธ์ หากใครถูก น.ส.ศิญาภัสร์หลอกลวง สามารถมาแจ้งความได้ที่ตำรวจภูธรภาค 1

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image