ไบโอแมทริกซ์จับหนุ่มญวนทำผิดหนีกลับสวมรอยพาสปอร์ตปลอมแต่ไม่รอด

ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ตุลาคม พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.สส.สตม. แถลงข่าวการจับกุม นายงอค อายุ 30 ปี สัญชาติเวียดนามผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดพิจิตร ที่ จ.176/2562 ลง 23 ส.ค.2562 ได้หลบหนีออกจาก ประเทศไทย

พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า เหตุเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2562 สตม. ได้รับการประสานจาก สภ.เมืองพิจิตร ว่ามีผู้ต้องหาชาวเวียดนามตามหมายจับ ชื่อ นายงอค สัญชาติเวียดนาม ได้หลบหนีออกจากประเทศไทย โดยขอความร่วมมือสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบ หากผู้ต้องหาเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ให้จับกุมและนำส่งสภ.เมืองพิจิตร เพื่อดำเนินคดี ต่อมาสืบทราบว่า นายงอค เลขหนังสือเดินทาง C 817xxxx จะเดินทางโดยเครื่องบินจากประเทศเวียดนามมายังประเทศไทย ในวันที่ 2 ตุลาคม 2562 เวลา 13.30 น. ซึ่งหมายเลขหนังสือเดินทางดังกล่าวไม่ตรงกับเลขหนังสือเดินทางของผู้ต้องหาตามหมายจับ ผู้บังคับบัญชาสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จึงได้สั่งการให้ตรวจสอบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นบุคคลคนเดียวกับผู้ต้องหาหมายจับหรือไม่ ชุดสืบสวนจึงได้เฝ้าสะกดรอยจนพบ นายงอคภายในสนามบินสุวรรณภูมิ จึงได้เชิญตัวไปตรวจสอบเปรียบเทียบกับระบบไบโอเมทริก ผลยืนยันว่านายงอค เลขหนังสือเดินทาง C 817xxxx เป็นบุคคลคนเดียวกับนายงอค หมายเลขหนังสือ เดินทาง C 663xxxx ผู้ต้องหาตามหมายจับข้างต้น จึงได้แสดงหมายจับให้นายงอค ผู้ต้องหาทราบ โดยผู้ต้องหายอมรับว่า เป็นบุคคลตามหมายจับจริงและได้ไปทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ภายหลังจากถูกออกหมายจับ จากนั้นชุดสืบสวนจึงจับกุมและ นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดาเนินการตามกฎหมายต่อไป

โดยพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของผู้ต้องหานั้น ผู้ต้องหาดังกล่าว ได้ร่วมขบวนการกับผู้ต้องหาคนไทยและ คนเวียดนามรวม 7 คน ชักชวนผู้เสียหายซึ่งมีทั้งคนไทยและคนเวียดนามจำนวนหลายสิบคน ให้ร่วมลงทุนกับกลุ่มผู้ต้องหา โดยหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าสามารถนำเงินดิจิทัลสกุลวันคอยน์ มาใช้แทนเงินสดในการจับจ่ายซื้อสินค้าต่างๆ ที่ประเทศไทยได้ ซึ่งในช่วงเวลานั้นทั้งในประเทศเวียดนามและประเทศอื่นๆ เงินดิจิทัลสกุลวันคอยน์ประสบปัญหาไม่เป็นที่ ยอมรับ จึงไม่สามารถใช้ซื้อสิ้นค้าหรือแลกเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินอื่นๆ ได้ โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าหากนำเงินสดมาลงทุนในเงินดิจิทอบสกุลวันคอยน์ ที่ประเทศไทยจะสามารถนำมาใช้ซื้อทองคำ รถยนต์ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยมี ข้อตกลงว่าการซื้อขายทองคำ 1บาท ให้นำเงินสด ครึ่งหนึ่งและใช้เงินดิจิทัล วันคอยน์ครึ่งหนึ่งตามมูลค่าทองคำในท้องตลาด หากทองคำราคาบาทละ 20,000 บาท ให้จ่ายเงินสด 10,000 บาทและเงินดิจิทัลวันคอยน์ ตามที่บริษัทกำหนดและจะ ได้รับดอกผลตอบแทนจากการร่วมลงทุนด้วย ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้เดินทางมาพบผู้ต้องหาและนำเงินสดมาร่วมลงทุน ที่บริษัทของกลุ่มผู้ต้องหา ที่จังหวัดพิจิตร ต่อมาภายหลังผู้เสียหายหลายคนพบว่าหลังจากที่หลงเชื่อร่วมลงทุนไปแล้ว ไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ตกลงหรือโฆษณากล่าวอ้างไว้ จึงทราบว่าถูกกลุ่มผตู้องหาหลอกลวงและได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิจิตร เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image