เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง พนักงานสอบสวนสน. ท่าเรือ ได้ควบคุมตัวนายจาตุรงค์ หรืออนุ มีโสภา อายุ34 ปี นายธันวาหรือหนึ่ง บุญผาด อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาที่1-2มายื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วันนับตั้งแต่วันที่ 4-15 พ.ย.
โดยคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อวันที่ 4 พ.ย.เวลาประมาณ 04.30 น. เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมสน. ท่าเรือร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาคือนายจาตุรงค์หรืออนุมี โสภาและ นายธันวาหรือหนึ่ง บุญผาดพร้อมของกลางคือ อาวุธปืนปกสั้นแบบออโตเมติคสีเงินขนาด 9 มม. ยี่ห้อนอริงโกไม่มีหมายเลขทะเบียนพร้อมซองพกหนังสีดำจำนวน 1กระบอก ,อาวุธปืนพกสั้นแบบรีวอลเวอร์สีเงินขนาด 34 มม. ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสันไม่มีหมายเลขทะเบียนจำนวน 1 กระบอก , กระสุนปืนขนาด.38 มม. จำนวน 10 นัด , เสื้อยืดสีดำขนาด 1ตัวและรองเท้าผ้าใบจำนวน 1 คู่ (ยึดจากตัวผู้ต้องหาที่ 1) ,เสื้อยืดสีดำจำนวน 1ตัว (ยึดจากผู้ต้องหาที่ 2)
โดยกล่าวหาว่าผู้ต้องหา 1และที่ 2″ร่วมกันฆ่าผู้อื่นร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตพกอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยคืนเมื่อวันที่ 3 พ.ย.เวลาประมาณ 23.00 น. ขณะที่นายอธิชาติ ศรีหัวโทนและ นายกุลชาติ แซ่ลี กับพวกเดินกลับมาจากการดูการแสดงดนตรีที่สนามกีฬาการท่าเรือแห่งประเทศไทยมาตามชอย 8 ตลาดคลองเตยเพื่อจะมาเอารถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ที่บริเวณสุดซอย 5 ตลาดคลองเตยฯ เมื่อเดินมาถึงบริเวณกลางซอย 5 ตลาดคลองเตยฯ ที่เกิดเหตุได้ถูกผู้ต้องหาทั้งสองใช้อาวุธปืนของกลางยิงใส่จำนวนหลายนัดจนเป็นเหตุให้กระสุนปืนถูกนายอธิชาติ ที่บริเวณท้ายทอยทะลุเบ้าตาด้านซ้ายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และกระสุนปืนอีกหนึ่งนัดถูกนายกุลชาติ ที่บริเวณลำตัวด้านซ้ายจนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ พลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลจุฬาฯ
จากนั้นผู้ต้องหาได้หลบหนีไปต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานพบภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นผู้ต้องหาที่ 1,2 ใช้อาวุธปืนของกลางยิงมายังกลุ่มผู้ตายรวมทั้งมีพยานบุคคลยืนยันว่าผู้ต้องหาทั้งสองใช้อาวุธปืนยิงมายังกลุ่มผู้ตายจริงจึงได้ทำการสืบสวนติดตามมาชักถามซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองรับว่าได้ใช้อาวุธปืนของกลางยิงกลุ่มผู้ตายและผู้บาดเจ็บจริงและได้ติดตามตรวจยึดอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุและเสื้อผ้าที่ผู้ต้องหาสวมใส่ขณะเกิดเหตุไว้เป็นของกลางจากนั้นได้จับกุมตัวผู้ต้องทั้งสองพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบ 80 และพรบ.อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4(1), 4(2), 7,8,8ทวิ , 72,72 ทวิประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371,83,59
และมาตรา 91 คดีนี้มีพยานหลักฐานยืนยันได้ว่าผู้ต้องหากระทำผิดมีอัตราโทษอย่างสูงเกินกว่า 3 ปีซึ่งพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาโดยตลอดจะครบ ชั่วโมงในวันที่ 5 พ.ย.เวลา 8.10 น. หากแต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นเนื่องจากยังจะต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปาก, รอผลตรวจพิมพ์มือผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร, รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลางจากกองพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยความจำเป็นดังกล่าวข้างต้นจึงขอฝากขังผู้ต้องหานี้ต่อศาล
โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้นการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสองเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงและผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพลหากมีการประกันตัวผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงและทำลายพยานหลักฐานรวมทั้งจะหลบหนีไปไม่ยอมมาตามนัดจึงขอคัดค้านการประกันตัวจนกว่าจะมีคำพิพากษาตัดสินคดีควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธขอให้การในชั้นศาลในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ขอให้การในชั้นศาล
เหตุเกิดบริเวณกลางซอย 4 ตลาดคลองเตยถนนสุนทรโกษาแขวง-เขตคลองเตย กทม.
ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้
ต่อมาเมื่อครบเวลา 16.30 น.ไม่ปรากฎว่ามีญาติผู้ต้องหายื่นประกัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวผู้ต้องทั้งสองไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯต่อไป