ตำรวจภูธรภาค 4 จัดชุดคณะพนักงานสอบสวนเร่งสอบปากคำผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้ร่วมลงทุนซื้อโควต้าลอตเตอรี่เจ้แดง ก่อนออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาสัปดาห์หน้า ด้าน “รอง ผบช.ภาค 4” ชี้คดีไม่ซับซ้อน เป็นการหลอกให้ลงทุนคล้ายแชร์ลูกโซ่ วันที่ 21 พ.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวบ้านในอำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น กว่า 20 ราย เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.สีชมพู เพื่อเอาผิดกับ น.ส.สุพักต์ ประทุมมา อายุ 47 ปี ชาวบ้านหนองโก ต.หนองแดง อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น หญิงขาพิการ ในข้อหาฉ้อโกง ซึ่งผู้เสียหายอ้างว่าถูกเจ๊แดง หลอกลวงโดยอ้างว่ามีโควต้าลอตเตอรี่อยู่ในมือจำนวนมาก และสามารถล็อกโควต้าใบสั่งซื้อลอตเตอรี่ได้จำนวน 2,000-5,000 เล่ม ราคาเล่มละ 7,040 บาท ก่อนจะชักชวนให้ชาวบ้านมาร่วมลงทุนซื้อโควต้าลอตเตอรี่ โดยไม่ต้องขายเอง เพราะจะมีเครือข่ายทำหน้าที่กระจายนำลอตเตอรี่ไปขายให้ ผู้ที่สั่งซื้อให้รอเงินปันผลอย่างเดียว ซึ่งในช่วงแรกมีการปันผลให้จริง เป็นเงิน 10 % ของเงินลงทุน โดยหากซื้อ 1 เล่ม จะได้เงินปันผล 700 บาท ในทุกๆ 15 วัน หลังการประกาศผลรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล กระทั้งหญิงพิการรายดังกล่าว เริ่มบ่ายเบี่ยงที่จะจ่ายเงินปันผลและไม่จ่ายเงินให้กับชาวบ้านที่นำเงินมาลงทุน เฉพาะพื้นที่อำเภอสีชมพูมีความเสียหายมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ล่าสุด พล.ต.ต.สุภากร คำสิงห์นอก รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.สีชมพู ได้สอบปากคำชาวบ้านผู้เสียหายไปแล้วกว่า 20 คน และในวันนี้จะมีชาวบ้านอีกประมาณ 10 คน ที่จะเข้ามาให้ปากคำและนำหลักฐานมามอบให้กับตำรวจ ซึ่งกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดเนื่องจากปัจจุบันคดีในลักษณะนี้มักเกิดขึ้นบ่อย เบื้องต้น ได้ประสานไปยังกลุ่มงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ในการส่งคณะพนักงานสอบสวน ที่ควบคุมโดยผู้กับการกลุ่มงานสอบสวน ร่วมกำกับดูแลทำการสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียด เพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริงและที่มาที่ไปในภาพรวมที่ชัดเจน โดยจากการสอบปากคำเบื้องต้น พบว่าคดีดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับแชร์ลูกโซ่ แต่คดีนี้เป็นการหลอกลวงให้นำเงินมาร่วมลงทุน ซึ่งไม่มีความซับซ้อนมากนัก ซึ่งหากทำการสอบปากคำผู้เสียหายแล้วเสร็จ ก็จะมีการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาให้มารายงานตัว คาดว่าจะมีความชัดเจนและสามารถออกหมายเรียกได้ภายในสัปดาห์หน้า
