เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นางณัฐชยาญ์ เบอร์ทัน อายุ 47 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ พร้อมผู้เสียหายคนอื่นๆในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ประมาณ 10 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ศราวุธ โชติสุวรรณ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.4 บก.ป. เพื่อแจ้งความเอาผิดกับ น.ส.นวรัตน์ วรสิงห์ อายุ 42 ปี เจ้าของสถาบันสอนการแสดง Rosaaa Actor Studio91 หลังอ้างว่าเป็นโมเดลลิ่งป้อนงานให้กับผู้กำกับหนังชื่อดังต่างๆ ก่อนหลอกเอาเงินค่าประกันจากผู้เสียหาย พร้อมนำหลักฐานเป็นหลักฐานการโอนเงินและข้อความบทสนทนามามอบให้กับพนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณา
นางณัฐชยาญ์ กล่าวว่า ได้รับการแนะนำจากเพื่อนว่าสถาบันสอนการแสดงดังกล่าวได้มาเปิดที่เชียงใหม่จึงพาบุตรชาย ไปสมัครเรียน แต่เมื่อบุตรชายเข้าเรียนได้สักระยะ น.ส.นวรัตน์ ก็ได้มาเข้ามาทำทีตีสนิทกับตนก่อนจะอ้างตนเองว่ารู้จักกับ พจน์ อานนท์ ผู้กำกับหนังชื่อดังและบุคคลในวงการบันเทิงอีกมากมายและสามารถผลักดันให้บุตรชายของตนเข้าวงการบันเทิงได้ รวมถึงยังบอกอีกว่าลูกชายตนเป็นเด็กลูกครึ่งบุคลิกรูปร่างดี สนใจจะรับงานถ่ายโฆษณาผลิตภัณฑ์น้ำดื่มยี่ห้อหนึ่งที่เมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่นไหม แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องยอมจ่ายเงินในจำนวนครึ่งหนึ่งของเงินค่าตัวหรือเงินค่าจ้างแต่ละงานให้กับ น.ส.นวรัตน์ เพื่อเป็นค่าประกันการทำงาน และจะคืนเงินในส่วนนี้พร้อมกับจ่ายเงินค่าตัวเมื่องานเสร็จสิ้น ด้วยความที่อยากให้ลูกมีอนาคตที่ดีจึงตอบตกลงรับงานถ่ายโฆษณาดังกล่าวและรับงานเดินแบบที่ต่างๆล่วงหน้าจำนวนหลายงาน พร้อมกับจ่ายเงินค่าประกันงานต่างให้กับน.ส.นวรัตน์ เป็นจำนวนเงินกว่า 8 หมื่นบาท
นางณัฐชยาญ์ กล่าวต่อว่า กระทั่งเมื่อถึงกำหนดจะต้องเดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อไปถ่ายโฆษณาซึ่งเป็นงานชิ้นแรก เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา ปรากฏว่าบุตรชายรวมถึงตนกลับไม่สามารถเดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่นได้ เนื่องจาก น.ส.นวรัตน์ ไม่ได้จองตั๋วเครื่องบินเดินทางไปที่ประเทศดังกล่าวตามที่กล่าวอ้างไว้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นได้เรียกเก็บเงินกับตนเพิ่มเติมอีกจำนวนกว่า 4 หมื่นบาท เพื่อเป็นค่าเดินทางและค่าที่พัก ตนจึงเริ่มเอะใจและพยายามตรวจสอบจนทราบความจริงว่าผลิตภัณฑ์น้ำดื่มดังกล่าวไม่ได้ว่าจ้างบุตรชายตนให้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ถ่ายโฆษณาแต่อย่างใด และยังมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อถูกหลอกในลักษณะเดียวกับตนอีกหลายราย จึงได้รวมตัวกันมาเข้าแจ้งความกับทางกองปราบในวันนี้
เบื้องต้นพ.ต.ท.ศราวุธ ได้สอบปากคำผู้ร้องทุกข์ไว้ พร้อมนำไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
