ลอยแพ380พนง.’ไทยมาร์ท คอร์ปอเรชั่น’ ขณะที่’บ.ทีโอเอเพ้นท์’ผู้ค้ำเงินกู้ แจ้งถูกขู่

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 29 มกราคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายมนัส เพ็ชรบัวศักดิ์ อายุ 59 ปี ตัวแทนผู้มีอำนาจของบริษัท ทีโอเอเพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมนายจิรพัฒน์ ปิ่นแคน ทนายความ เข้าพบ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. เพื่อลงบันทึกประจำวันกรณีถูกชายฉกรรจ์เข้าไปในบริษัท ไทยมาร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ข่มขู่ รปภ.และพนักงานที่ดูแลบริษัท หลังจากเมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา ศาลล้มละลายมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราว และให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดูแลทรัพย์สินแทน
ทีโอเอ1
นายมนัสเปิดเผยว่า ปี 2556 บริษัท ไทยมาร์ท สโตร์ จำกัด ขาดสภาพคล่องทางการเงิน บริษัท ทีโอเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด จึงร่วมทุน โดยใช้ชื่อใหม่เป็น บริษัท ไทยมาร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยบริษัท ทีโอเอ ถือหุ้น 51 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่บริษัท ไทยมาร์ท สโตร์ ถือหุ้น 49 เปอร์เซ็นต์ กระทั่งเมื่อเดือนกันยายน 2558 บริษัท ไทยมาร์ท สโตร์ ยึดอำนาจการบริหารงาน และพบความไม่ชอบมาพากล ต่อมาพบว่ามีหนี้สินเงินกู้จากธนาคารรวมทั้งสิ้น 270 ล้านบาท ทางบริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (อยู่ในเครือเดียวกับบริษัท ทีโอเอ คอร์ปอเรชั่น) เป็นผู้ค้ำประกันหนี้จำนวนดังกล่าว และครบกำหนดชำระหนี้เมื่อเดือนตุลาคม 2558 ทำให้บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ ต้องชำระหนี้แทน จึงตกในสภาวะเจ้าหนี้ของบริษัท ไทยมาร์ท คอร์ปอเรชั่น กระทั่งบริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ในฐานะเจ้าหนี้) ฟ้องล้มละลายบริษัท ไทยมาร์ท คอร์ปอเรชั่น กระทั่งวันที่ 25 มกราคม ศาลประกาศสั่งให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราว และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งให้บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ ทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัท ไทยมาร์ท คอร์ปอเรชั่น 7 แห่ง และ 1 คลังสินค้า ได้แก่ 1.สำนักงานใหญ่และสาขารามอินทรา 2.สาขาแจ้งวัฒนะ 3.สาขาเซียร์รังสิต 4.สาขาบางใหญ่ 5.สาขาศรีราชา 6.สาขาราชบุรี และ 7.สาขาชลบุรี สุขุมวิท และคลังสินค้า(บางนา)
ทีโอเอ2
นายมนัสกล่าวต่อว่า พวกตนในฐานะพนักงานของบริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ จึงรวบรวมทรัพย์สินทั้งหมด แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 27 มกราคม กระทั่งช่วงเย็นวันเดียวกันมีชายฉกรรจ์ชุดดำหลายคน ใส่เสื้อแจ๊กเก็ต ผมเกรียน ขับรถยนต์มาปิดทางเข้า-ออก บริษัท ไทยมาร์ท คอร์ปอเรชั่น สำนักงานใหญ่ และกดดันให้พนักงานที่เป็นตัวแทนดูแลทรัพย์และ รปภ.ออกจากบริษัท พวกตนจึงประสานตำรวจ สน.มีนบุรี เข้าตรวจสอบ ก่อนที่ชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าวจะสลายตัวไป กระทั่งเวลา 03.00 น. วันที่ 28 มกราคม มีชายฉกรรจ์เดินทางกลับมาที่บริษัทอีกครั้ง พร้อมทั้งพูดข่มขู่ รปภ.และยึดบัตรประชาชนของ รปภ.ไป 3 ราย ทั้งยังล็อกประตูห้องและประตูเข้า-ออกของบริษัทไม่ให้พวกตนเข้าไปภายในได้ วันนี้จึงเดินทางมาร้องเรียน บก.ป.เพื่อขอให้ช่วยดำเนินการให้พวกตนสามารถเข้าดูแลบริษัทดังกล่าวตามคำสั่งศาล
ทีโอเอ4
ด้าน พ.ต.อ.จิรภพเปิดเผยว่า เบื้องต้นจะลงบันทึกประจำวัน และให้ตำรวจเดินทางไปตรวจสอบบริษัทดังกล่าวพร้อมกับนายมนัส และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ จากนั้นจะสอบถามฝ่ายบริษัท ไทยมาร์ท สโตร์ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ก่อนจะดำเนินการต่อไป

ที่สำนักงานใหญ่ บริษัท ไทยมาร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด นายลัทธิ แสนรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้า พร้อมด้วยพนักงานบริษัท ไทยมาร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด อีกกว่า 100 คน เดินทางมาเรียกร้องให้ฝ่ายผู้บริหารออกมาชี้แจง กรณีที่มีคำสั่งจากศาลล้มละลายกลาง และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่องการยึดและรวบรวมทรัพย์สินตามคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราว ทำให้พนักงานทุกคนของบริษัทพ้นสภาพจากการจ้างงาน

โดยนายลัทธิกล่าวว่า เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา มีเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เข้ามาภายในบริษัท ไทยมาร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ทุกสาขา ซึ่งไทยมาร์ทมีทั้งหมดทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 7 สาขา 1 คลังสินค้า พร้อมกับนำคำสั่งจากกรมบังคับคดี มาติดประกาศเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์สินชั่วคราว และให้พนักงานทั้งหมดออกจากบริษัทและศูนย์ค้าส่งทันที พร้อมกับแจ้งว่าพนักงานพ้นสภาพการจ้างงานจำนวน 380 คน โดยไม่มีเอกสารแจ้ง ศาลล้มละลายมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ในวันที่ 22 มกราคม และเจ้าพนักงานเข้ามาติดประกาศวันที่ 25 มกราคม เป็นช่วงเวลาค่อนข้างเร็ว พนักงานยังไม่ทันได้เตรียมตัว และหางานใหม่ไม่ทัน ทั้งที่วันที่ 29 มกราคม จะเป็นวันจ่ายค้าจ้าง พนักงานทุกคนเดือดร้อนมากเพราะทุกคนมีภาระหน้าที่ และใช้จ่าย จึงอยากให้ผู้บริหารออกมาชี้แจงใน 4 ประเด็น 1.สถานะของพนักงาน บริษัท ไทยมาร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ปัจจุบันเป็นอย่างไร 2.เงินเดือน ค่าจ้างเดือนมกราคม 2559 ที่มีกำหนดรับในวันที่ 29 มกราคม จะได้รับหรือไม่ 3.หากมีการปิดกิจการจริง สถานะการเป็นพนักงานของบริษัทสิ้นสุดลง ทางผู้บริหารจะมีแนวทางอย่างไรในการช่วยเหลือพนักงานเพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายแรงงาน อาทิ เงินชดเชย และสวัสดิการ และ 4.ความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างผู้ถือหุ้นเป็นอย่างไร และมีแนวโน้มที่จะดำเนินกิจการห้างไทยมาร์ทต่อหรือไม่

ด้านนางหนูเย็น ศรีภิรมณ์ อายุ 62 ปี พนักงานรักษาความสะอาดบริษัท ไทยมาร์ท สาขารามอินทรา เปิดเผยว่า เป็นคน จ.อุดรธานี เดินทางมาทำงานที่กรุงเทพฯพร้อมกับสามี อายุ 68 ปี เนื่องจากบ้านที่ จ.อุดรธานีนั้นมีอาชีพทำนา แต่เมื่ออายุมากขึ้นเริ่มทำนาไม่ไหว ทำงานกับบริษัทนี้มา 4 ปีแล้ว พร้อมกับหลานชายอีก 1 คน แต่ละเดือนเงินค่าแรงจะนำไปใช้เรื่องค่าน้ำ ค่าไฟ เลี้ยงดูลูกที่พิการและคนในบ้าน ไม่เคยเหลือเงินพอเก็บออมเลย ทั้งนี้ หากบริษัทต้องปิดตัวลงจริง คงลำบาก เพราะรายได้ในส่วนของตนและหลานชายจะหายไป และตนอายุมากแล้วจะไปสมัครงานที่ไหนอาจไม่มีใครรับแล้ว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image