จับแอดมินเพจ ‘หลวงพี่จัสติน วัดดูยูมีน’ ปั้นข้อมูลเรียกยอดแฝงขายของ สร้างความแตกแยก

จับแอดมินเพจหลวงพี่จัสตินวัดดูยูมีน ปั้นข้อมูลหวังเรียกยอดก่อนแฝงขายของ สร้างความแตกแยก สร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน 

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 ธันวาคม ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผืดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท.พร้อม ว่าที่ พ.ต.อ.พิเชษฐ์ คำภีรานนท์ ผกก.3 บก.ปอท. ร่วมแถลงผลดำเนินการ “ปฏิบัติการปราบปรามเนื้อหาไม่เหมาะสม และหลอกลวงขายสินค้าทางออนไลน์” จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1935/2562 ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2562 ความผิดฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรฯ” ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ว่าที่ พ.ต.อ.พิเชษฐ์ กล่าวว่า บก.ปอท.ได้สืบสวนติดตามผู้ดูแลเพจหลวงพี่จัสติน วัดดูยูมีน ซึ่งมีหลายเวอร์ชั่น โดยเพจแรกสร้างเมื่อปี 2560 มีผู้ติดตามกว่า 3 แสนคน แต่เพจที่เป็นประเด็นคือ เพจหลวงพี่จัสติน วัดดูยูมีน v.2 สร้างเมื่อปี 2562 มีผู้ติดตาม 40,000 ราย ซึ่งได้โพสต์ข้อความในลักษณะสร้างความแตกแยก สร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน รวมถึงเข้าข่ายในความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง และมีพฤติการณ์ในการหลอกลวงขายสินค้าให้กับประชาชน

Advertisement

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ภูมิหลังผู้ต้องหาเป็นคนหน้าตาดี ประกอบอาชีพเป็นกระเป๋ารถเมล์ และเคยดังในโลกสังคมออนไลน์ จากนั้นได้ไปลงทุนธุรกิจจนหมดตัว จึงคิดจะทำเพจนี้ขึ้นมา แต่จะทำอย่างไรให้เพจดัง จึงเริ่มนำข้อมูลบิดเบือนและข้อมูลที่เป็นภัยมั่นคง ข้อมูลเท็จนำมาใส่ในเพจ จนมีผู้ติดตามถึงสามแสนคน จากนั้นจึงคิดที่จะนำเสื้อมาขาย มีผู้หลงซื้อไปจำนวนมากได้เงินไปหลายแสนบาท แต่ผู้ซื้อไม่ได้รับของ และได้แจ้งเข้ามาที่เว็บไซต์ของบก.ปอท.กว่า 10 ราย พร้อมทั้งแจ้งเตือนว่าเพจดังกล่าวเป็นเพจโกง จนนำมาสู่การจับกุมตัวผู้ต้องหาได้

 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ทั้งนี้กรณีที่ประชาชนตรวจพบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมบนสื่อสังคมออนไลน์หรือเว็บไซต์ สามารถรายงานปิดกั้นเบื้องต้นตามช่องทางของสื่อสังคมออนไลน์แต่ละประเภท หรือแจ้งมายังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หมายเลขโทรศัพท์ 0 2142 2556 และ 0 2142 2557 หรือทางเว็บไซต์ tcsd.go.th เพื่อดำเนินการปิดกั้น ระงับ ยับยั้งตามช่องทางของกฎหมาย และสืบสวนจับกุมผู้นำเข้าเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมต่อไป

สำหรับความผิดฐานนำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มีอัตราโทษสูงสุด จำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท ส่วนเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลดังกล่าว จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และมีอัตราโทษเทียบเท่ากับผู้นำเข้าข้อมูลเช่นกัน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image