| ผู้เขียน | จตุพร พ่วงทอง |
|---|
ป.ป.ส.ทัวร์แปลงปลูก“กัญชา”
ส่งผลิตตำรับยา ระบบรัดกุม
ตั้งโจทย์วิจัย สายพันธุ์ใหม่คุมTHC- CBD
“กัญชา” พืชเสพติด ตามกฎหมายยาเสพติด กำลังจะกลายเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้ป่วย ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้สารสกัด น้ำมันกัญชา เพื่อนำมาใช้บรรเทาอาการป่วย ในแต่ละประเภท ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์การผ่อนปรนให้ใช้กัญชาทางการแพทย์
โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร จ.สกลนคร ก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ผู้ป่วยแถบภาคอีสาน จะเดินทางรับบริการคลินิกหางกระรอก ที่ทางเปิดรองรับกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องการใช้ กัญชา เพื่อบรรเทาอาการป่วย
สำหรับโรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร มีส่วนที่เป็นโรงงานผลิตสมุนไพร ของโรงพยาบาล ผลิตเป็นยาเข้ากัญชา 7 ตำรับยา จากทั้งหมด 16 ตำรับยา แจกจ่ายให้ผู้ป่วยแล้ว 3 ตำรับ คือ ศุขไสยาศน์ ,ทำลายพระสุเมรุ,และน้ำมันกัญชา สูตร อ.เดชา ทั้งนี้ ประชาชนที่ต้องการรับยากัญชานั้น จะมีการกระบวนการคัดกรองจากแพทย์
ช่วงที่ผ่านมามีผู้เข้ามาขอรับบริการยากัญชาแผนไทย 388 คน แต่ผ่านการคัดกรอง 120 คน เป็นกลุ่มผู้ป่วยนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร อัมพฤกษ์ อัมพาต และปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง ส่วนน้ำมันกัญชา สูตร อ.เดชา มีผู้ขอรับ 232 คน ผ่านการคัดกรอง 170 คน เป็นกลุ่มผู้ป่วยโรคนอนไม่หลับ ปวดเรื้อรัง มะเร็ง เบื่ออาหาร และพาร์กินสัน.
อย่างไรก็ตามมีข้อมูลที่สนใจจาก นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)ได้ระบุว่า ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2562 จนถึงปัจจุบัน สถานการณ์กัญชาหลังจากมีการผ่อนปรนให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ นั้น ได้มีการสั่งซื้อกัญชาหรือน้ำมันกัญชาจากตลาดมืดมาใช้เพิ่มขึ้น ด้วยความเข้าใจผิดว่าสามารถใช้ได้อย่างเสรี ทั้งๆที่กัญชายังคงเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เหมือนเดิม ประมาณครึ่งปีเศษ มีการจับกุมคดีเกี่ยวกับกัญชาเพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงยังไม่มีการผ่อนปรน โดยเฉพาะกลุ่มผู้เสพและครอบครองกัญชา ตัวเลขประมาณการจำนวนผู้เสพยาเสพติด ปี 2562 เพิ่มขึ้น 130,000 ราย โดยจำนวนที่เพิ่มขึ้นเกือบ 100 % ของจำนวนผู้เสพ เป็นกลุ่มเสพกัญชา
แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและได้รับอนุญาตให้ทดลองปลูกกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (วทร.) วิทยาเขตสกลนคร ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชาเพื่อการศึกษา วิจัยและใช้ประโยชน์ทางการแพทย์แผนไทย จำนวน 2,000 กก. ปลูก 2 รอบ รอบละ 500 ต้น ใน 500 กระถาง
สภาพแวดล้อมภายนอกโรงเรือน มีรั้วรอบขอบชิด กำแพงรั้วสูงประมาณ 2 เมตร ระบบการเข้า-ออก รัดกุมแน่นหนา โดยการสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งจะบันทึกข้อมูลเฉพาะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น โดยรอบรวมถึงพื้นที่ชั้นในติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อบันทึกเหตุการณ์ตลอด24 ชั่วโมง ก่อนเข้าโรงเรือนปลูกปัญชาก็ยังต้องผ่านประตูอีกชั้นหนึ่ง ระบบการควบคุมมีมาตรฐานตามข้อกำหนด ไม่มีความกังวลเรื่องกัญชาจะออกนอกระบบ
ทั้งนี้มีกังวลหากอนาคตจะมีการผลิตยากัญชาในเชิงธุรกิจ อาจส่งผลให้กัญชาล้นตลาด ยากต่อการควบคุม นายนิยมจึงเสนอให้ รศ.ดร.โฆสิต ศรีภูธร รองอธิการบดี มทร.อีสาน วข.สกลนคร ต่อยอดศึกษาวิจัยสายพันธุ์กัญชาใหม่ ที่อาจจะสามารถควบคุมปริมาณสาร THC และ CBD ได้
สำหรับแปลงกัญชาของ วทร.สกลนคร จะปลูกกัญชาสายพันธุ์พื้นเมืองสกลนคร-นครพนม คือสายพันธุ์ “หางเสือ” และ “หางกระรอก” ซึ่งผลผลิตกัญชาสด เพื่อส่งป้อนไปยัง โรงผลิตยาที่โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร โดยผลผลิตกัญชาล็อตแรก จำนวน 400 กิโลกรัม ถูกนำไปผลิตเป็นยาเข้ากัญชา 7 ตำรับยา ส่งให้กรมการแพทย์แผนไทยกระจายให้ผู้ป่วยที่ลงทะเบียนทั่วประเทศ ส่วนรากลำต้นและแกนที่เหลืออีกประมาณ 800 กิโลกรัมได้ทำบันทึกไว้ รอกรมการแพทย์เตรียมนำไปใช้ประโยชน์ในการวิจัยกับตำรับยาอื่นๆ
ด้าน รศ.ดร.โฆสิต ศรีภูธร รองอธิการบดี มทร.อีสาน วข.สกลนคร ได้บอกว่า ปัจจุบัน การศึกษาวิจัยกัญชาของคณะทำงาน เน้นเพิ่มคุณภาพกัญชา ในสายพันธุ์หางเสือและหางกระรอก เพื่อให้ใช้ผลิตยาแพทย์แผนไทยได้อย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ในฐานะต้นแบบการปลูกกัญชาเพื่อใช้ทำยาตำรับเข้ากัญชา ยังได้เป็นศูนย์เรียนรู้ให้หน่วยงานต่างๆที่สนใจเรื่องกัญชา มาโดยต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มรัฐวิสาหกิจชุมชน เข้ามาศึกษาเยี่ยมงานวิจัยจำนวนมาก
“แต่ก็มีหลายรายถอดใจเพราะการปลูกกัญชา ยากที่สุดคือขั้นตอนการดูแล ที่เริ่มตั้งแต่การปรุงดิน ควบคุมแสงแดด อุณหภูมิ โรงเรือน ตลอดจนการเติบโต เฝ้าระวังกัญชาข้ามเพศ เนื่องจากต้องใช้เพศเมียเท่านั้น ทั้งหมดนี้ต้องทำสม่ำเสมอ ตลอดเวลา ราว 6-7 เดือน ที่ครบระยะเก็บเกี่ยวผลผลิต”
ปัจจุบันแปลงปลูกกัญชาที่ มทร.อีสาน วข.สกลนคร เก็บเกี่ยวผลผลิตทั้งใบและดอกได้รวมทั้งสิ้น 241.26 กก. แล้ว หลังการเก็บเกี่ยวจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามารับกัญชานำส่งโรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เพื่อผลิตยาตำรับเข้ากัญชาจ่ายแก่ผู้ป่วยผ่านคลินิกหางกระรอก
