รองโฆษก ตร.เตือน สวมทะเบียนรถโทษหนักจำคุก 6เดือน-5ปี

เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอข่าว “โดนใบสั่ง ส่งถึงบ้าน 2 รอบ ทั้งๆ ที่ขับรถไม่เป็น ไม่ได้ไปเชียงใหม่” ว่า

จากกรณีดังกล่าวขอเรียนว่า ขณะนี้ได้สั่งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ในเบื้องต้นได้รับรายงานจาก สภ.เมืองชลบุรี ว่าเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2563 เวลาประมาณ 13.14 น. น.ส.สุวรี รัตน์ประดิษฐ์ ผู้เสียหาย ได้เดินทางมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน กรณีที่ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา หมายเลขทะเบียน ศข 2185 กรุงเทพมหานคร ถูกใบสั่งทางไปรษณีย์จากเจ้าพนักงานจราจร สถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ระบุว่ากระทำผิดกฎการจราจร บริเวณถนน ทล.11 กิโลเมตรที่ 556-557 ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยขับรถฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจร เครื่องหมายสัญญาณ หรือสัญญาณอย่างอื่นสำหรับการจราจรบนทางหลวง เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2562 พร้อมทั้งถ่ายภาพประกอบการทำผิดกฎจราจรมาให้ด้วย และสั่งเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 500 บาท วันครบกำหนดชำระวันที่ 19 มกราคม 2563 ซึ่งตามวันเวลาดังกล่าวผู้เสียหายไม่ได้เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่แต่อย่างใด

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชลบุรี ได้รับคำร้องทุกข์ไว้แล้วและได้แจ้งหน่วยงานที่ออกใบสั่งได้ทราบไว้แล้ว โดยผู้เสียหายได้เข้าให้การต่อพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2563 แล้ว และพนักงานสอบสวนได้ประสานและส่งเรื่องไปยังท้องที่ที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายต่อไป

รองโฆษก ตร.กล่าวอีกว่า โดยหลักการแล้วการส่งใบสั่งจะส่งไปยังชื่อผู้ครอบครองทะเบียนรถตามฐานข้อมูลจากขนส่ง ซึ่งจากเนื้อข่าวที่ปรากฏพบว่ารถที่ถูกออกใบสั่งเป็นรถที่มีเลขทะเบียนเดียวกันกับผู้เสียหาย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายในลักษณะเป็นการสวมทะเบียนรถยนต์หรือไม่นั้น ก็คงจะมีการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องต่อไป

Advertisement

โดยขั้นตอนการปฏิบัติของประชาชนเมื่อได้รับใบสั่ง หากเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถไม่ได้กระทำผิดจริงตามข้อมูลในใบสั่ง หรือมีประเด็นสงสัยว่าอาจจะถูกสวมทะเบียนรถยนต์ ขอแนะนำให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหายเข้าแจ้งความกับตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุ เพื่อสามารถดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานได้อย่างรวดเร็ว หรือหากไม่สะดวกก็สามารถร้องทุกข์ในพื้นที่ใกล้บ้านของท่านได้ จากนั้นพนักงานสอบสวนจะสอบปากคำรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการส่งเรื่องไปยังท้องที่เกิดเหตุเพื่อให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

อีกทั้งสามารถนำหลักฐานไปยืนยัน ชี้แจงกับหน่วยงานต้นเรื่องที่ออกใบสั่งได้ ว่าวันและเวลาดังกล่าวผู้เสียหายไม่ได้ขับรถไปตามสถานที่ที่ได้รับใบสั่ง จากนั้นตำรวจจะทำการสืบสวนสอบสวนตามกระบวนการกฎหมาย โดยหากตรวจสอบพบว่าผู้เสียหายไม่ได้ขับรถไปบริเวณดังกล่าวจริง ผู้เสียหายรายดังกล่าวก็ไม่ต้องชำระค่าปรับตามใบสั่ง ซึ่งที่ผ่านมาการกระทำความผิดในลักษณะนี้เคยดำเนินคดีกับผู้ที่นำทะเบียนรถผู้อื่นมาสวมทะเบียนในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร หรือใช้เอกสารปลอม และใช้รถยนต์ไม่จดทะเบียน เป็นต้น

ทั้งนี้ ขอฝากเตือนไปยังผู้ที่กระทำการลักษณะดังกล่าว การทำหมายเลขทะเบียนรถขึ้นเองโดยไม่มีสิทธิใช้หมายเลขทะเบียนนั้น เจ้าของรถและผู้ที่ทำแผ่นป้ายนั้นขึ้นย่อมมีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 100,000 บาท ตามมาตรา 265 ประกอบมาตรา 268 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และกรณีที่มีการนำหมายเลขทะเบียนที่ทางราชการออกให้ไปใช้กับรถคันอื่น ย่อมเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์

Advertisement

อีกทั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวว่า การกระทำลักษณะดังกล่าวปรากฏอยู่บ่อยครั้ง โดยในหลายครั้งมีการกระทำเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำรถไปใช้ในการกระทำความผิดต่างๆ จึงฝากไปยังผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ให้ตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียดทุกครั้งก่อนออกใบสั่ง เพื่อจะได้ไม่กระทบต่อสิทธิของประชาชนที่ไม่ได้กระทำผิด และให้เร่งรัดจับกุมผู้ที่กระทำผิดรายดังกล่าวมาให้ได้โดยเร็ว และให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image