สอบรองผกก.เมยวดีเพิ่ม เร่งสรุปสำนวน กลุ่มเพื่อนให้กำลังใจ -ตรวจรถเสี่ยโรงสี เก็บหลักฐาน

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ลงตรวจสำนวนคดีรองผกก.ยิงเสียโรงสีเน้นทำด้วยความรอบคอบตรงไป-ตรงมา ไม่มีการช่วยตำรวจที่ทำผิด ให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และย้ำว่าการตรวจพบปืนลูกซองและกระสุนปืน6นัด ในรถผู้ตายไม่มีส่วนทำให้สำนวนคดีพลิก และสั่งตรวจสอบความชัดเจนอาวุธปืนของทุกฝ่ายว่าถูกต้องหรือไม่เพื่อประกอบสำนวนด้วย

จากกรณีที่ พ.ต.ท.สุรเดช อัฐเสนา รองผกก.สภ.เมยวดี จ.ร้อยเอ็ด ก่อเหตุยิง นายอภิชาติ พาโคกทม เสี่ยเจ้าของโรงสีสนธยาค้าข้าว เสียชีวิต เนื่องจากมีปัญหาปมเรื่องบ่อปลา

เมื่อวันที่ 6  ม.ค. รางานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวน ได้นำตัว พ.ต.ท.สุรเดช อัฐเสนา รองผกก.สภ.เมยวดี จ.ร้อยเอ็ด มาสอบสวนปากคำเพิ่มเติมเพื่อเร่งสรุปสำนวน ส่งฟ้องฝากขัง นัดแรกซึ่งการสอบสวนมีกลุ่มเพื่อน ของรองผู้กำกับเมืองพอดี มามอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ กับผู้ต้องหา

Advertisement

ทั้งนี้วันเดียวกันพ.ต.อ ณภพ ชุณหกรรณ์ รองผู้บังคับการ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน4 พ.ต.อ. วิรัตน์ มะแก้ว นักวิทยาศาสตร์(สบ 4)กลุ่มงานตรวจอาวุธปืน และ เครื่องกระสุน ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน4 เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานตรวจอาวุธปืนและเครื่องกระสุน พ.ต.อ. สมเกียรติ เกียรติวิชัยงาม นักวิทยาศาสตร์(สบ4)พิสูจน์หลักฐาน จังหวัดร้อยเอ็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ทำการตรวจรถของผู้เสียชีวิตโดยละเอียด เพื่อบันทึกหลักฐาน วิถีกระสุน. และเก็บ ดีเอ็นเอ และหัวกระสุน ปลอกกระสุน เพิ่มเติม หลังจากที่ มีการยืนยันว่า รองผกก.เมยวดี ยิงปืนลูกซองเข้าไปในรถ 2 นัด แต่ผู้ต้องหาแจ้งว่าปืนที่ก่อเหตุมีกระสุน 3 นัด และใช้ยิงไปเพียงนัดเดียว และก็พบว่ามีกระสุนเหลืออยู่ในอาวุธปืน 2 นัด และก็พบปลอกกระสุนเพียง 1 นัด จึงต้องตรวจพิสูจน์ให้ชัดเจน เพื่อประกอบสำนวนและสรุปส่งฟ้องผู้ต้องหา

และจากการตรวจค้นโดยละเอียด ไม่พบปลอกกระสุนของผู้ต้องในรถเพิ่มเติม แต่ปรากฏว่า การตรวจค้นดังกล่าว กลับพบอาวุธปืนลูกซองยาว ที่บรรจุกระสุนเบอร์ 12 บรรจุไว้แบบพร้อมใช้งาน 6 นัด ในปืนลูกซอง ลูกซองกึ่งออโตเมติก รุ่นFABARM S.A.T.8 CAL.12/76-3 CH.MADE IN TALY 100% หมายเลขทะเบียน กท๕๑๕๑๔๔๐ เลขหมายประจำปืน 7018896 และจึงนำไปบันทึกทั้งปืนและกระสุนปืน 6 นัด ไว้เพื่อสอบสวนว่าเป็นของผู้ตายหรือไม่อย่างไงต่อไป.

Advertisement

    

ต่อมาเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.เจริญวิชย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เดินทางไปที่ห้องประชุมสภ.เมืองร้อยเอ็ดเพื่อตรวจสอบติดตามคดีและสำนวนการสอบสวนและสอบสวนปากคำ รองผกก.เมยวดี ด้วยตนเอง เป็นเวลารวมทั้งหมด 30 นาที ก่อนที่จะเกินไปตรวจสอบรถบนต์ทั้ง 3 คัน ทั้งของตำรวจและผู้เสียที่ยึดไว้ตรวจสอบประกอบสำนวนการสอบสวน

พล.ต.ท.เจริญวิชย์ กล่าวว่า จากการรับฟังปัญหา จากพนักงานสอบสวนแล้ว ไม่หนักใจกับการดำเนินคดี ไม่มีแรงกดดันใดๆในกรณีที่ผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงแต่อย่างใด ก็ไม่มีการช่วยเหลือกันอยู่แล้ว โดยกำชับต้องทำทุกอย่างด้วยความตรงไปตรงมา โดยไม่มีการช่วยเหลือผู้กระทำความผิดฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอย่างแน่นอน โดยแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และมีกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาไปในเมือง-หมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร แม้ต้นเหตุมาจากมีเหตุบาดหมางกันมาก่อนก็ตาม ซึ่งหลังจากการนำผู้ต้องหาส่งฟ้องฝากขังศาลแล้ว ก็จะมีการสอบสวนพยานและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อสรุปสำนวนส่งอัยการต่อไป ซึ่งทั่งนี้ทั้งนั้นก็จะต้องรอผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้งพยานเอกสาร พยานวัตถุ เพื่อสรุปสำนวนให้รัดกุมต่อไป

“ผมย้ำว่า แม้ผู้ต้องหาจะเป็นตำรวจก็ต้องดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐานทุกอย่างและเน้นย้ำว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง2ฝ่าย เมื่อทำควรมผิดแล้วก็ไม่ไม่เข้าข้างแม้เป็นเป็นตำรวจด้วยกันก็ตาม
และกำชับให้รัดกุมในการเอาคนผิดมาลงโทษ โดยมองในทุกมิติ และตรวจสอบแม้กระทั่งการมีอาวุธปืนของผู้ตายในรถก็จะต้องหาความชัดเจนว่ามาจากไหนของใคร และมาเกี่ยวพันกันอย่างไร เพราะพบว่าไม่ใช่ปืนของผู้ตาย ทั้งปืนของตำรวจด้วย หากไม่ใช่ปืนของตัวเอง ก็ต้องสอบสวนด้วยว่าปืนมาจากไหน ส่วนการพบปืนลูกซองในรถของผู้ตายไม่ได้หมายความว่า จะทำให้รูปคดีเปลี่ยนไป หรือเปลี่ยนแปลงความได้เปรียบ- เสียเปรียบของ ทั้ง 2 ฝ่ายแต่อย่างใดอย่างแน่นอน” พล.ต.ท.เจริญวิทย์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image