พฐ.ตรวจรถ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ถูกยิง 8 นัด พบวิถีกระสุนเฉียงลง ระยะประชิด เร่งตรวจวงจรปิดใน 15 วัน

พฐ.ตรวจรถ “บิ๊กโจ๊ก” ถูกยิง 8 นัด วิถีกระสุนเฉียงลง ระยะประชิด เร่งตรวจวงจรปิดย้อนหลัง 15 วัน หาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี

เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 7 มกราคม ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.) พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ท.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผบช.สพฐ. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. เดินทางมาประชุมความคืบหน้าและสังเกตการณ์ตรวจรถยนต์ส่วนตัวของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอดีต ผบช.สตม. ซึ่งถูกคนร้ายจำนวน 2 คน ใช้อาวุธปืนยิงใส่ เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. บริเวณซอยสาริกา ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ ก่อนที่คนร้ายจะขับรถหนีไป พล.ต.ท.ปิยะกล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุ ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดสอบพยานที่เกี่ยวข้อง และเร่งสืบสวนสอบสวนในคดีดังกล่าว เบื้องต้นจากการตรวจพิสูจน์รถยนต์คันที่ถูกยิง พบร่องรอยถูกกระสุนปืนยิงจำนวน 8 นัด ที่บริเวณข้างตัวรถทางซ้าย บริเวณประตูหน้า 1 นัด และประตูหลัง 7 นัด และพบหัวกระสุนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 2 หัว โดยหลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้ร่วมกับกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) นำรถยนต์คันดังกล่าวมาตรวจพิสูจน์ ทั้งนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำงานทั้งพนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวน โดยให้พนักงานสอบสวนทำหน้าที่สอบสวน มี ผกก.สน.บางรักเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้ควบคุมดูแล และมีรอง ผบช.น. รับผิดชอบงานสอบสวนลงไปเป็นพี่เลี้ยงคอยกำกับดูแล ส่วนการสืบสวนระดับสถานีตำรวจ รับผิดชอบสถานที่เกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียง หาพยานบุคคล วัตถุพยาน และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ในระดับกองกำกับการสืบสวน บก.น.6 คอยดูภาพรวมพยานหลักฐานที่ปรากฎ ส่วน บก.สส. จะใช้ความเชี่ยวชาญพิเศษด้านการสืบสวน ซึ่งการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมีความคืบหน้าไปมากพอสมควร และเพื่อให้กระบวนการของการสืบสวนสอบสวนเป็นไปโดยปราศจากข้อสงสัยและให้ทิศทางข่าวเป็นไปในแนวทางเดียวกัน จึงให้ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ เป็นผู้ให้ข่าวเพียงผู้เดียว ส่วนข้อมูลผลการตรวจวิทยาศาสตร์ ให้ พล.ต.ท.วิเชียร เป็นหลัก ในระดับตร. ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา และพล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. เป็นผู้ให้ข้อมูล https://youtu.be/IdDjRBne-jY พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่เกิดเหตุยังพบหัวกระสุนปืนเพียง 2 หัว จึงเก็บผลไปเทียบเคียงทางนิติวิทยาศาสตร์ ทางพิสูจน์หลักฐานเรียกว่าระบบ ibis ระบบนี้จะตรวจสอบจากหัวกระสุน เกลียวกระสุน จึงต้องรื้อรถของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เพื่อตรวจหาหัวกระสุนที่คาดว่าจะตกอยู่ในรถเพิ่มเติม เพื่อหาเอกลักษณ์ของกระบอกปืนที่ใช้ยิง นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบภาพจากวงจรปิดก่อนเกิดเหตุ 7-15 วัน และภาพหลังเกิดเหตุ เพื่อเร่งติดตามคนตัวร้ายมาดำเนินคดี ขณะนี้สอบพยานไปแล้วกว่า 6 ปาก ยังไม่ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุมีความเชี่ยวชาญการใช้อาวุธปืนหรือไม่ แต่จากวิถีกระสุนพบว่าเป็นการยิงเฉียงลง ในระยะประชิด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าทุกฝ่ายจะทำงานอย่างเต็มที่ไม่ปล่อยให้คดีเงียบไปกับสายลม “เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นลักษณะของเรื่องใหญ่คนเล็ก เรื่องเล็กคนใหญ่ ผู้ประสบเหตุก็เป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้กำชับให้เร่งจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว พร้อมกันนี้ได้กำชับผู้บังคับบัญชาทุกพื้นที่ให้กำหนดมาตรการป้องกันเหตุ เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุร้ายขึ้นอีก โดยหากเกิดเหตุต้องติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดได้โดยเร็ว ทั้งนี้พนักงานสอบสวนต้องดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน ด้วยความรอบครอบ รวดเร็วเป็นธรม อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงกับผู้ที่ก่อเหตุเป็นสำคัญ เพื่อสร้งความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน นักลงทุนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ” พล.ต.ท.ปิยะกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image