“บิ๊กโจ๊ก” ไม่ทน! เปิดหน้าชนแตกหัก ซัดรังแกมาเยอะ บิดเบือนสังคม หดหู่คลิปเสียง

“บิ๊กโจ๊ก” ไม่ทน! เปิดหน้าชนแตกหัก ซัดรังแกมาเยอะ บิดเบือนสังคม หดหู่คลิปเสียง เหน็บเป็นตัวเองคงลาออก แฉหมด ไบโอ-แมทริกซ์ 2 พันล้าน เอื้อประโยชน์ใคร!

กลายเป็นประเด็นร้อนในแวดวงสีกากีเลยทีเดียว สำหรับกรณีคนร้ายลอบยิงรถ “พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล” หรือ “บิ๊กโจ๊ก” ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช. สตม.) โดยบิ๊กโจ๊กมั่นใจว่าสาเหตุที่ถูกลอบยิงรถนั้นมาจากการที่มีคำสั่งยกเลิกโครงการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ไบโอ-แมทริกซ์ ในสมัยที่เป็นผบช.สตม. ซึ่งต่อมามีคลิปเสียงหลุดออกมาอ้างเป็นบทสนทนาระหว่าง “พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา” ผบ.ตร.และ “พล.ต.อ. วิระชัย ทรงเมตตา” รองผบ.ตร. คล้ายขอไม่ให้ลงไปยุ่งเกี่ยวกับคดีนี้ จนถูกวิจารณ์สนั่นโซเชียล

รายการโหนกระแสวันที่ 9 ม.ค. “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 ได้เปิดใจสัมภาษณ์ “บิ๊กโจ๊ก” ซึ่งขอเปิดหน้าชก เปิดศึกบิ๊กชนบิ๊กในครั้งนี้

Advertisement

เหตุการณ์ที่ถูกลอบยิง เห็นว่าก่อนหน้านั้นบอกว่าหมายเอาชีวิต?

“ความจริงแล้วผมมีข้อมูลอยู่นานแล้วเกือบเดือน เราก็เป็นตร.เก่า เราก็ต้องรู้ใครคิดปองร้ายเรา ผมมีข้อมูลอยู่แล้วว่ามีการตรวจสอบทะเบียนรถผม มีการติดตามผม มีการเช็กที่อยู่ผม แต่ผมมีความเชื่อมั่น วันนี้ผมไม่ได้ทำงานหนักเหมือนเมื่อก่อน ผมขับรถไปเอง เป็นคนสมถะเรียบง่าย แต่เมื่อก่อนมีลูกน้องขับเพราะว่างานเยอะ ส่วนใหญ่ผมไปนวดร้านนั้นประจำ มีคนเตือนผมแล้วว่าช่วงนี้อย่าไปที่ร้านนั้นเพราะเขาตามอยู่ แต่่ผมมีความมั่นใจว่าเราทำดีมาทั้งชีวิต ช่วยเหลือประชาชนมาทั้งแผ่นดิน ไม่มีทางตายไม่ดีแน่ ในวันที่เกิดเหตุ เมื่อมีพนักงานมาแจ้งผมก็เฉยๆ เลย”

วิถีกระสุนไม่ได้หมายเอาชีวิต?

“ใช่ ผมก็ตอบสื่อไปหลายคน ว่าการดูลักษณะแบบนี้ไม่ได้หมายเอาชีวิต เป็นการยิงขู่ เมื่อผมมาฟังจากพยานแวดล้อม พนักงานที่ร้านก็บอกว่าคนที่เข้ามายิง ก็มีต้นทางตามสูตร เขาก็ถามต้นทางว่าท่านอยู่ที่ไหน อยู่โรงแรมมณเฑียรหรือร้านกาแฟ หรือร้านนวด  ต้นทางบอกอยู่ร้านนวด เขาก็ยิงเลย นั่นหมายถึงว่าเขาไม่ต้องการให้ผมเจอเขา ถ้าหมายเอาชีวิต เขาต้องมายิงผมที่ร้านนวด”

วิถีกระสุนดูแล้วถูกฝึกมาอย่างดีมั้ย?

“ก็ต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ยิงอย่างนี้โดยใช้เวลาไม่มากนัก ต้องเชี่ยวชาญชำนาญพอสมควร แต่การยิงลักษณะแบบนี้ยิงข่มขู่ไม่ได้หมายเอาชีวิตแน่นอน”

ท่านเองออกมาบ่งชี้บอกว่ารู้ตัวคนบงการ และเรื่องนี้ไปเกี่ยวกับคดีหนึ่งไบโอ-แมทริกซ์ มันไปเกี่ยวยังไง ทำไมคิดแบบนั้น?

“เราขัดแย้งกับใครก็ต้องรู้ ผมไม่ได้มีปมขัดแย้งกับคนอื่น โอเคที่ผ่านมาทำงานมาเยอะ จับคนร้ายมาเยอะ แต่การจับกุมคนร้าย เขาก็ยอมรับสภาพได้ว่าเขาผิดจริง เราจับเขาตามกระบวนการกฎหมาย ไม่ได้ไปแกล้งจับเขา เหมือนศาลพิพากษา ญาติพี่น้องก็ยอมรับ เหมือนบางคดี ท่านก็ฟ้องผม แล้วศาลพิพากษายกฟ้อง เราไม่ได้ไปขัดแย้ง การทำงานเราไม่ได้ไปแกล้งเขา ผมไปขัดแย้งเรื่องอื่นไม่มีหรอก ยกเว้นเรื่องนี้เพราะมีการติดต่อผู้ใหญ่ที่ผมเคารพ มีการนัดเจรจาหลายครั้งแล้ว”

หมายถึงตัวคนบงการเหรอ?

“ตัวคนที่สั่งการ ตัวผู้มีอำนาจ แต่ผมไม่เคยไป”

อยู่แวดวงเดียวกันมั้ย?

“แวดวงเดียวกับผม แต่ไม่ขอเอ่ยชื่อ เวลาท่านไปประชุมที่ไหน ประชุมมอบนโยบายชม.สองชม. ก็ไม่มีมอบนโยบาย แต่ด่าผมอยู่คนเดียว ด่าโดยไม่เอ่ยชื่อ”

ใครจะมาด่าบิ๊กโจ๊กได้ ต้องเหนือกว่าบิ๊กโจ๊ก?

“ก็ต้องเหนือผม ไม่มีใครกล้าทำกับผมแบบนี้หรอก ถ้าไม่ใช่ผู้มีอำนาจ”

ไบโอ-แมทริกซ์ คือเครื่องตรวจอัตลักษณ์ คนเข้าๆ ออกๆ ประเทศ เครื่องนี้สามารถพิสูจน์อัตลักษณืได้ จับเฮโรฮีน ยาเสพติด ดูคนรอดเข้าเมือง มันจับได้หมด มันไม่ดีตรงไหน?

“ต้องเรียนว่าไบโอ-แมทริกซ์เป็นนโยบายท่านนายกฯ ท่านคิดดี ไบโอ-แมทริกซ์ มันต้องใช้ ผมเห็นด้วยเลย เพราะทั่วโลกใช้ เดิมทีระบบตม.ใช้มา 20 ปี ผมเป็นผู้บัญชาการได้ 6 เดือนก็เห็นด้วย ผมไปดูงานต่างประเทศมาเยอะ พยายามให้การเข้าออกเมืองมันง่าย คนร้ายเข้ายาก คนดีเข้าง่าย แต่เมื่อผมเข้ามาแล้ว ก็รู้ว่ามีการจัดซื้อจัดจ้างโดยสำนักงานตร.แห่งชาติ แต่ใช้งบประมาณ ตม. หมายถึงใช้เงินตม. แต่ให้ตม. โอนเงินไปที่สำนักงานตร.แห่งชาติ แล้วสำนักงานตร.แห่งชาติจัดซื้อเอง โดยตม.ไม่ได้จัดซื้อ เขาทำมาก่อนผม 3 ผู้บัญชาการแล้ว แต่พอผมไปอยู่ ผมต้องการปราบปรามคนร้าย ต้องการให้การเข้าออกเมืองมันง่าย เครื่องมือที่ผมต้องใช้ ผมก็ดูว่าทำไม 3 ผู้บัญชาการแล้วไม่เสร็จ เมื่อเอามาดูก็ปรากฎว่างวดหนึ่งส่งงานช้าไปร้อยกว่าวัน งวดสองส่งช้าไปร้อยกว่าวัน งวดที่สามส่งไม่ได้ ผมก็เลยนัดทุกส่วนมาคุย คุยแล้วก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี เมื่อทำไม่ได้ ผมก็หารือรองผู้บัญชาการทุกท่านแล้ว ผมถึงมีหนังสือในฐานะผมเป็นผู้บัญชาการตม. เรียนผบ.ตร.ไปเพื่อขอยกเลิกสัญญา”

ไม่เกี่ยวกับราคา?

“ราคาอยู่อีกส่วนหนึ่ง แต่ผมอยากได้ของดีมาทำงาน ผมบอกแล้วว่าสนง.ตำรวจแห่งชาติจะจัดซื้ออะไรก็แล้วแต่ แต่ผมต้องได้ของดีมา เพราะผมเป็นคนใช้ในครั้งนั้น แต่ผมไม่ได้ทำเพื่อยกเลิกโครงการนี้ไม่ใช่ ผมยกเลิกแค่การจัดซื้อครั้งนี้ ท่านจะไปจัดซื้ออะไรมาก็แล้วแต่ต้องเอาของดีมาให้หน่วย พอทำหนังสือไปสองฉบับก็เงียบไป ก็ไม่เป็นไร ต่อมาผมก็ย้ายพ้นมาแล้ว พอผมย้ายมาก็ทราบว่ามีการเรียกรองผู้บัญชาการท่านหนึ่งไป ซึ่งเดี๋ยวท่านต้องไปให้การกับผมด้วย มีการเรียกไปและบอกว่าให้เซ็นรับไบโอ-แมทริกซ์อันนี้ และหาวิธีตั้งกรรมการวินัยผมเพื่อเล่นงานผม รองท่านนี้ก็ปฏิเสธ และบอกว่าถ้าทำได้สองอย่างนี้จะตั้งให้เป็นผู้บัญชาการรักษาการสตม.”

มีหลักฐานยืนยันข้อเท็จจริง?

“มีตัวบุคคล อย่างอื่นไม่มี ก็เหมือนมีการสั่งการบุคคล เหมือนคลิปเสียง ในคลิปเสียงก็สั่งบุคคล”

ถ้าาเขาบอกใครจพูดอะไรก็ได้?

“ก็ต้องมีคนยืนยัน วันนี้ผมก็เล่าตามข้อเท็จจริงไปก่อน วันนี้เมื่อผมโดนอย่างนี้ โดนมานานแล้วก็ต้องเอาซะที ต้องเปิดให้ประชาชนเห็นให้สังคมเห็นว่าโดนอะไรได้ ขนาดยศพล.ต.ท.ยังโดนรังแกได้เลย”

เรื่องนี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ท่านหลุดออกไปจากแวดวงของท่านหรือเปล่า?

“ไม่ๆ ผมว่าไม่ใช่หรอก ไม่เกี่ยวกัน คือผมเรียนว่าสมบัติเหล่านี้เป็นสมบัติของชาติ สมบัติของประชาชน เดิมอุปกรณ์เหล่านี้ใช้วงเงินไม่ถึงพันล้าน แต่ตอนหลังมีการขยายวงเงินไปถึง 2000 พันล้านกว่า ผมเรียนว่าในทีโออาร์ มีการกำหนดเมนูหลายเมนูด้วยกัน มีการเชื่อมโยงกัน แต่ว่าสตม. สมัยก่อนกรรมการตรวจรับเขาไม่ตรวจรับ แต่ต่อมา สตม. มีการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทโดยการไปตรวจรับก่อนที่งานจะเสร็จ ผมไม่ได้กล่าวหาใครเป็นข้อเท็จจริง”

ทำไมถึงเปิดหน้าชกขนาดนี้?

“ผมต้องพูดแบบนี้ เพราะเราไปเอื้อประโยชน์ให้บริษัท”

พูดแบบนี้ เหมือนเข้าข่ายทุจริต?

“ก็ต้องดูข้อเท็จจริง ไปรับงานก่อนได้ยังไง ในเมื่องานยังไม่เสร็จ ปัจจุบันนี้ต้องไปตรวจดูทีโออาร์ว่ามีกี่ข้อ สมมติมี 20 ข้อ สื่อไปไล่เลยว่าแต่ละข้อวงเงินเท่าไหร่และทำเสร็จหรือยัง ถ้าหน่วยงานไหนไปตรวจรับงานก่อนงานเสร็จมันก็บ่งชี้อยู่แล้ว”

คนบงการ เขาได้ผลประโยชน์อะไรจากตรงนี้?

“วันนี้มีการตรวจสอบโดยปปช. มีผู้ถูกตรวจสอบ ตามรายชื่อที่ทนายษิทราเขายืนยันมา”

เรื่องนี้ทั้งหมด ย้อนมาที่เรื่องไปลอบยิงได้ยังไง?

“ที่ผ่านมามีการติดต่อผมนัดผู้ใหญ่ให้ไปเจรจา แต่ผมไม่เคยไป เมื่อไม่เคยไป ก็ทำให้เป็นประเด็นของการขัดแย้ง ตัวทนายษิทราเองก็เคยถูกประสานให้ไปพบ ไปเจรจา เขาก็ไม่ไป”

ให้ไปพบเพื่ออะไร?

“เพื่อให้ยุติตรงนี้ ไม่ต้องมาตาม ให้ปากคำ ไม่ต้องพูดถึงประเด็นนี้ เพราะอย่าลืมว่าผมเป็นคนทำหนังสือยกเลิก ผู้บัญชาการตม. 3 คนเขาคงอึดอัดแบบผม แต่คงไม่กล้าทำแบบผม ผมก็เข้าใจ แต่ในเมื่อผมมานั่งอยู่ ผมไม่ได้ถูกสอนมาให้เอาใจคนๆ เดียว ผมมาทำงานเพื่อประชาชนทั้งประเทศ ผมต้องดูแลประชาชน ผมจึงทำหนังสือยกเลิก เมื่อทำไปผมก็ต้องยอมรับในชะตากรรมที่เกิดขึ้น”

ล่าสุดมีคำสัมภาษณ์ “พล.ต.ท. สมพงษ์ ชิงดวง” ผู้บัญชาการสนง. ตรวจคนเข้าเมือง ยืนยันว่าการจัดซื้อเครื่องไบโอ-แมทริกซ์ เป็นไปตามหลักสากล มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ส่วนตัวมองว่าที่บิ๊กโจ๊กบอกว่าสาเหตุถูกยิงรถ เพราะเรื่องจัดซื้อจัดจ้างไม่น่าจะเป็นความจริง และไม่ควรใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องมือให้ตัวเองเกิดความชอบธรรม รู้สึกยัไง?

“ผมไม่ตำหนิท่านสมพงษ์ แต่ต้องพูดให้ประชาชนเห็นว่าไบโอ-แมทริกซ์ มีทั้งหมด 30 กว่าเมนู วันนี้ซื้อมา 2 พันกว่าล้าน แต่วันนี้มันทำงานได้ 6-7 เมนูเอง เพราะฉะนั้นต้องเรียนต่อว่าการเพิ่มเงินจากพันล้านเป็นสองพันกว่าล้าน พันล้านเพิ่มปริมาณเครื่องเกินกว่าตม.ต้องใช้ ถามว่าไบโอ-แมทริกซ์ ใช้กับอะไร วันนี้ท่านไปดูนะครับ ยกตัวอย่างสนามบินสุวรรณภูมิ เครื่องเกินมา 40 ถามว่า 40 เอาไปไว้ไหน ก็ส่งให้ไปภูธรจังหวัด ทุกวันนี้ไปตรวจสอบได้เลย ภูธรไม่มีใครใช้ เขาไม่ได้รับผิดชอบการเข้าออกเมือง เขาจะมาใช้ได้ยังไง วันนี้ปปช. เขาถึงมีคำพูดว่าความคุ้มค่า ผมไม่ได้ตำหนิว่าจับคนร้ายไม่ได้ แต่ไบโอ-แมทริกซ์ ต้องทำให้ได้30 กว่าเมนู เช่นการขออยู่ต่อ 90 วัน เรื่องโปร่งใสไม่โปร่งใส เอาง่ายๆ เลย ไปดูทีโออาร์มีกี่ข้อ และทำงานได้ครบหรือเปล่า”

คลิปที่หลุดออกมาในโซเชียล ทราบใช่มั้ยเป็นเสียง ผบ.ตร. กับรองผบ.ตร. รู้สึกยังไงเพราะมีส่วนเกี่ยวกับคดียิงรถ?

“ผมต้องเรียนตรงๆ ฟังแล้วหดหู่ใจ ผมไม่เอ่ยชื่อแล้วกัน ถ้าเป็นผู้นำองค์กรแล้วสั่งแบบนี้ อีกคนอยู่ต่างประเทศ อีกคนรักษาการผบ.ตร. เขาทำตามหน้าที่ ผมต้องเรียนตรงๆ ว่าวันนี้ผมหดหู่ใจ เรื่องจับคนร้ายผมดูแล้วต้องทำใจ วันนี้พูดตรงๆ ว่า ในวันเกิดเหตุ ผมก็เห็นเฉพาะท่านรองวิระชัย กับผู้การ รองการ รองผู้กำกับ ตั้งแต่เกิดเหตุผมยังไม่เห็นผู้บัญชาการนครบาล แต่ผมก็ไม่ตำหนิท่าน แต่ท่านรองวิระชัยท่านก็ออกมาในฐานะผู้แทนองค์กร วันนี้เมื่อประเด็นต่างๆ เข้าไปที่ผู้นำองค์กร ถ้าผมเป็นผู้นำองค์กรยิ่งทำให้โปร่งใส ยิ่งทำให้สังคมไม่แคลงใจว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม ไม่ใช่มาสั่งแบบนี้ สั่งแบบนี้สั่งเพื่อองค์กรหรือเพื่อตนเอง หรือเพื่ออะไร”

ท่านบอกมีนครบาลดูแลอยู่แล้ว เราก็เป็นระดับบนเป็นพี่เลี้ยงคอยประคองไป ไม่จำเป็นต้องลงพื้นที่ เรื่องนี้มองยังไง อาจไม่ต้องถึงมือรองผบ.ตร. หรือรักษาการ?

“ถามว่าความเสียหายไม่ได้มากหรอก แต่คดีมันเกิดกลางเมือง เมื่อสื่อสนใจ รองผบ.ตร. ท่านก็ลงมาแอ็กชั่นเป็นเรื่องปกติ เพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น มั่นใจ แต่การไปสั่งแบบนี้ ผมถามว่าถ้าใครฟังคลิปแบบนี้ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาจะรู้สึกดีมั้ยหรือท้อแท้ใจ เพราะการเป็นผู้บัญชาคน ไม่รู้ ถ้าผมเป็นผู้นำองค์กร ผมต้องสั่งให้เร่งรัดจับกุมคนร้ายให้ได้ภายใน 2 วัน ทำความจริงให้ปรากฏ ไปแถลงข่าวร่วมกัน เอานครบาลไป เอาหน่วยเกี่ยวข้องไปแถลงข่าวให้เห็นว่าเราทำเต็มที่แล้ว จับได้ไม่ได้ต้องใช้เวลา แต่สำหรับผมไม่ใช่ยิงรถผมแล้วเป็นเรื่องใหญ่ ผมเป็นประชาชนคนหนึ่ง การปฏิบัติต้องปฏิบัติเหมือนกันทั้งหมด แต่ฟังจากที่พูด มองว่าผมรู้กัน ไปพูดอย่างนี้ได้ยังไง ถามว่าท่านเป็นผมบ้าง ผมว่าวันนี้สังคมต้องเข้าใจผม ว่าผมออกมาวันนี้เพราะโดนมาเยอะแล้ว”

แตกหักเลยนะ?

“วันนี้ผมต้องทำแบบนี้ ถ้าใครไม่เป็นผมบ้างไม่รู้”

การเปิดหน้าชกแบบนี้ จะกลับมา?

“ไม่เกี่ยวเรื่องกลับมา ไม่ได้คิดเลย แต่มันโดนมาเยอะแล้ว ต้องพอซะที เรื่องบิดเบือนสังคม ผมไม่ใช่แบบนั้น อย่ามาทำแบบนี้กับผม เอาพอประมาณ ผมโดนรังแกมาเยอะแล้ว ต้องพอซะที”

คิดว่าเรื่องนี้จะยาวๆ มั้ย?

“ต้องไปดูว่าผู้ถูกสั่งเขามองว่าผิดอาญาหรือไม่ การสั่งแบบนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ผมพูดทิ้งท้ายว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริยธรรม ถ้าผมเป็นผู้นำองค์กร แล้วไปสั่งแบบนี้ ผมเป็นผู้นำแบบนี้ แล้ววันนี้สังคมรู้แบบนี้ ผมลาออกดีกว่า ผมบอกเลยผมอยู่ไม่ได้หรอก ผมมีสปิริต เรื่องนี้เป็นเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ผมถามว่าอย่างนี้จะให้ประชาชนมั่นใจได้ยังไง จะอยู่ยังไง องค์กรจะอยู่ยังไง”

เข้าไปเจรจาไกล่เกลี่ย?

“ผมพร้อมพูดคุยหมด ผมให้สัมภาษณ์หลายวัน แทบไม่ต้องอ่านเอกสาร เลย เพราะพูดด้วยแววตาและความจริงใจ ผมไม่ต้องมาเสแสร้ง วันนี้ผมเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผมไม่ตำหนิใคร รวมทั้งผู้บัญชาการสมพงษ์ ผมก็ไม่ตำหนิท่าน ท่านต้องรักษาหน่วย”

ถ้าจับไม่ได้ต้องทำยังไง?

“ผมถามย้อนกลับไปที่สื่อมวลชน วันนี้คดีแบบนี้ กล้องวงจรปิดเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ท่านได้ประกาศไปแล้วว่าท่านย้ายคนเก่งมาทั้งนั้นในกรุงเทพฯ”

ประชดท่านหรือเปล่า?

“ไม่ได้ประชด ถ้าคนเก่งๆ มาอยู่ ก็ต้องจับคนร้ายให้ได้”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image