เมื่อวันที่ 9 มกราคม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจําสํานักนายกรัฐมนตรี อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางรัก เพื่อขอรับคืนรถยนต์ยี่ห้อเล็กซัส สีขาว ทะเบียน 9 กจ 351 กทม. ที่ถูกลอบยิงเมื่อคืนวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คลิปเสียงการสนทนาระหว่าง 2 นายพลตำรวจเอกระดับผู้บริหารประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ถูกเผยแพร่ออกมานั้นถือว่าเป็นการสนทนาระหว่างคนสองคน แต่ส่วนตัวรู้สึกหดหู่ใจ ในฐานะนายตำรวจเก่า มองว่าคำพูดดังกล่าวไม่ควรออกมาจากปากของผู้นำองค์กร เพราะสะท้อนไปถึงความเชื่อมั่นในองค์กร และเป็นการใช้อำนาจแบบไม่เป็นธรรม และยังบ่งบอกถึงคุณธรรมจริยธรรมของผู้นำองค์กร โดยตนปฎิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับคลิปเสียงที่ปรากฎออกไป อีกทั้งก็ไม่เคยสั่งการหรือหลอกใช้นายตำรวจระดับพลตำรวจเอก 5 นาย ตามคำอ้างในคลิปเสียงโดยตนเลิกหวังแล้วว่าตำรวจจะจับกุมคนร้ายในคดีนี้ได้ เพราะการพูดของผู้นำองค์กรในคลิปก็ชัดเพียงพอแล้ว หลังจากนี้ก็จะไม่ขอออกมาพูดอะไรให้ข่าวอีกแล้ว โดยจะขอกลับไปทำงานเงียบๆ เหมือนที่ผ่านมา
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างตนกับ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร.นั้นไม่ได้สนิทสนมเป็นการส่วนตัว เป็นเพียงผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น ขณะที่ในวันพรุ่งนี้(10 มกราคม) จะเดินทางไป สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อให้ปากคำในฐานะพยาน กรณีโครงการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องไบโอเมตริกซ์ต่อไป
