ทหารกองทัพภาคที่ 3 นำกำลังบุกตรวจสอบบ้านเลขที่ 193 ถนนพุทธบูชา อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังได้รับร้องเรียนว่าเป็นบ้านเจ้าแม่เงินกู้ ให้เงินแม่ค้าตลาดนัด “ไนท์บาซาร์-ปทุมทอง” ไปหมุนเวียน ยึดโฉนดที่ดิน, ทะเบียนรถ, บัตร ATM เพียบ เก็บดอกเบี้ยรายวันอัตราสูงเกินกว่ากฎหมายที่กำหนด ซึ่งการบุกค้นครั้งนี้ เป็นไปตามมาตรการกวาดล้างผู้มีอิทธิพล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4 พ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลกนำกำลังทหาร ตำรวจ กว่า 20 นาย บุกเข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 193 ถนนพุทธบูชา ริมแม่น้ำน่าน เหนือวัดจันทร์ตะวันออก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังสืบสวนในทางลับ กระทั่งทราบว่า ไปเก็บดอกเบี้ยรายวันอัตราสูงเกินกว่ากฎหมายที่กำหนด โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าย่านตลาดนัด ไนท์บาซาร์-ปทุมทอง จนมีเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่าผู้หญิงรายหนึ่งมีลูกสาวทำงานธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก เป็นหัวขบวน ในการปล่อยเงินกู้ โดยรับจำนองที่ดินในอัตราดอกเบี้ยสูง
จนท.ทหารและตำรวจจึงได้สอบสวนเจ้าแม่เงินกู้เบื้องต้น กระทั่งอายัดและยึดโฉนดทะเบียนรถยนต์และบัตรเอทีเอ็มจำนวนมากไว้ พนักงานสอบสวนตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยจับกุมเจ้าแม่เงินกู้ไปดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองพิษณุโลกทันที
พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4 กล่าวว่า การบุกค้นรังเจ้าแม่เงินกู้ครั้งนี้ เป็นไปตามมาตรการกวาดล้างผู้มีอิทธิพล จนสืบทราบว่าทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน ทั้งๆ ที่รู้ว่า รัฐบาล คสช.ไม่ต้องการเห็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่ยอมหยุด จึงสั่งการให้ตำรวจดำเนินคดีตามข้อหา คือ 1.ดำเนินธุรกิจออกเงินกู้โดยไม่ได้รับอนุญาต 2.เรียกอัตราดอกเบี้ยเกินที่กฎหมายกำหนด 3.ยึดบัตร ATM ของผู้อื่น ถือว่าผิดกฎหมาย
โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับเจ้าแม่เงินกู้ต่อไป พร้อมอายัดบัญชีหลักฐานที่มาจำนอง-จำนำทั้งหมดเพื่อเชิญเจ้าของมาสอบสวนอีกครั้ง ส่วนบ้านและรถยนต์ของเจ้าแม่เงินกู้คนดังกล่าวจะต้องตรวจสอบทรัพย์สินว่าได้มาถูกต้องหรือไม่อย่างไร เจ้าแม่เงินกู้คนดังกล่าวยอมรับสารภาพว่าปล่อยเงินกู้ให้กับพ่อค้าแม่ค้าในเมืองพิษณุโลก บอกเพียงว่าเลิกไม่ได้ รู้ว่าทหารสั่งห้าม แต่ถือว่าธุรกิจติดพันต่อเนื่องกระทั่งทุกวันนี้
