ผ่านไป 2 วันหลังเกิดเหตุ นับตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เดินทางลงพื้นที่จังหวัดลพบุรี ร่วมกับ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รองผบ.ตร.รับผิดชอบงานสืบสวน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบ.ตร.รับผิดชอบงานความมั่นคง
ซึ่งที่ผ่านมาทำงานด้านสืบสวนคลี่คลายคดีสำคัญมาโดยตลอด พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ เข้าร่วมประชุม สถานีตำรวจท่องเที่ยว 2 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 (ลพบุรี) ก่อนที่ พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบก.สส.บช.น. พร้อมกำลังที่เดินทางลงพื้นที่
หลังจากคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้บริสุทธิ์ เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 4 ราย ก่อนผู้ก่อเหตุชิงทองคำรูปพรรณน้ำหนักรวม 28.50 บาท รวมมูลค่าประมาณ 680,000 บาท เหตุเกิดภายในร้านทอง ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี
ภายหลังประชุม “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ มอบหมายให้ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย จัดวางสืบสวนติดตามตัวผู้ก่อเหตุ โดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผบ.ตร. ร่วมทีมทำงาน ตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ หลังคนร้ายก่อเหตุ ทีมสืบสวนยังไม่มีความชัดเจนกลุ่มผู้ก่อเหตุ
แต่มีความพยายามที่จะแสวงหาหลักฐานมาประกอบพิสูจน์ เพราะคนก่อเหตุสวมชุดอำพรางทั้งตัว มองไม่รู้ตำหนิ จนมีเบาะแสแจ้งมาหลายด้านถึงบุคคลต้องสงสัยเพราะคนร้ายมีรูปพรรณลักษณะท่าทางเดินเข้ามาก่อเหตุ รวมถึงพฤติกรรมความโหดเหี้ยม
ทางทีมสืบสวนจึงเฝ้าดูพฤติการณ์รวมทั้งพยานหลักฐานมาตรวจเปรียบเทียบกับบุคคลต้องสงสัย แต่หลายคนที่ถูกเฝ้าจับตา ยังไม่พบพิรุธบงบอกถึงเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ ประกอบกับถูกแรงกดดันจากการเสนอข่าวความเคลื่อนไหว รวมทั้งบุคคลต้องสงสัยอย่างต่อเนื่องทำให้ทำงานยากยิ่งขึ้น
ผบ.ตร.จึงให้ข่าว สับขาหลอก ว่าคนร้ายหลบหนีไปชายแดน ประกอบกับช่วงเวลาที่ทีมงานสืบสวน ”หนุมาน” โดย พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.กก.สสน. กองบังคับการปราบ ที่ได้รับแบ่งหน้าที่ในการติดตามแหล่งที่มา เสื้อผ้า รองเท้า รถจักรยานยนต์ ท่อเก็บเสียงอาวุธปืน และอื่นๆที่จะหาเบาะแสนำไปสู่หาตัวคนร้าย
พบพยานบุคคลที่เคยสั่งลำกล้องเก็บเสียง จากโรงงานกลึงแห่งหนึ่งในพื้นที่สมุทรสาคร มาจำหน่ายจำนวน 20 แท่ง ให้กับกลุ่มผู้ชอบเทสอาวุธปืน รวมทั้งตรวจสอบผู้ครอบครองอาวุธปืนที่คนร้ายใช่ ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ข้อมูลปรากฎชื่อพ่อ นายสิทธิชัย หรือกอล์ฟ เขาแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง และหนึ่งในผู้ที่ชอบการยิงปืน
ทางชุดสืบสวนจึงเฝ้าจับตาดูพฤติกรรม ”กอล์ฟ” ควบคู่กับเฝ้าดูตรวจสอบยานพาหนะ จนทราบว่าระยะหนึ่งใช้รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นฟี-โน่ ที่เครือญาติครอบครอง ประกอบกับลักษณะท่าทางการเดินของ”กอล์ฟ”
ทีมสืบสวนโดย ”บิ๊กแป๊ะ”ประสานผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบอาวุธ จากกองพิสูจน์หลักฐานร่วมฟังเสียงการทดสอบยิงปืนที่ใช้ท่อเก็บเสียงของแท้กับของเทียม ร่วมกับพยานที่ได้ยินเสียงกระสุนออกจากกระบอกปืน จนที่ประชุมเคาะสรุปว่าเป็นท่อเก็บเสียงเป็นของเทียมที่มีราคาไม่สูง คนชอบเล่นปืนเฉพาะกลุ่มจะรู้ว่าบรรจุกระสุนใช้ยิงแล้วจะดีระดับหนึ่งแม้จะเป็นของเทียม
“เหงื่อ” หยดเดียว ตกในที่เกิดเหตุ ทุกคดีคนร้ายทิ้งร่องรอยหลักฐานไว้ ทาง พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ พล.ต.ท.อำพล พล.ต.ต.จิรภพ นั่งประชุมหารือร่วมโดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ นั่งหัวโต๊ะเรียกสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ(สพฐ.ตร.)เพื่อรายงานผลตรวจพิสูจน์ หลังเก็บนำมาประกอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
ประกอบกับทีมสืบสวนที่ได้รับแบ่งหน้าที่ไปขอตัวอย่างผลเลือด “สิทธิชัย”ที่เคยรักษาการบาดเจ็บขาขวา มาตรวจเปรียบเทียบ “เหงื่อ-เลือด” พบว่าดีเอ็นเอตรงกัน ทางทีมสืบสวนจึงออกหายานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุ เพื่อตอบโจทย์ทุกคำให้สังคมหาสงสัยกลัวว่า”แพะ”เพราะผู้ก่อเหตุเป็นถึงระดับผู้อำนวยการโรงเรียน จนพบหลักฐานสำคัญอีกชิ้นคือรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุจอดไว้ที่บ้านพ่อตา
“นี่คือสิ่งสำคัญจากประสบการณ์การทำงาน ที่คลี่คลาย คดีสำคัญมาโชกโชนของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ หาก”กอล์ฟ”ตกเป็น”แพะ”ตามที่สังคมตั้งสังเกตุแล้วทีมสืบสวนชุดคลี่คลายคดีจะมีที่ยืนตรงไหน”
