เปิดข้อกังขา อัยการคดีพิเศษสั่งไม่ฟ้อง คดีฆ่าบิลลี่ ยกคดีหมอผัสพร เทียบเคียงขอศาลออกหมายจับ

เปิดข้อกังขาอัยการคดีพิเศษสั่งไม่ฟ้อง ดีเอสไอยันผล”ไมโทคอนเดรีย”ชัวร์ ตรวจจากหูชั้นใน’บิลลี่’แพทย์ระบุชัดไม่มีคือตาย ประสิทธิภาพแสดงสารพันธุกรรมได้ถึง 2 รุ่น ยกคดีหมอผัสพรเทียบเคียงศาลเชื่อจึงออกหมายจับ

เมื่อวันที่ 25 มกราคม รายงานข่าวจากกรมสอบสวนคีดพิเศษกรณีอัยการสำนักงานคดีพิเศษมีคำสั่งไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อายุ 56 ปี ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ผอ.ทสจ.) ปัตตานี อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ระหว่างปี2551-2557 กับลูกน้อง 3 คน ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวทำร้าย และร่วมกันฆ่าอำพรางศพ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ อายุ 31 ปี ว่าคดีนี้ ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาไม่ได้มีการให้การข้อเท็จจริงใดๆในชั้นสอบสวนเลย ในประเด็นการตรวจหาสารพันธุกรรมในไมโทคอนเดรียที่ทำการตรวจกระดูกส่วนหูชั้นในนั้น ดีเอสไอได้ยืนยันว่าผลการตรวจสามารถเทียบเคียงได้กับการตรวจดีเอ็นเอปกติ ซึ่งเเพทย์ที่ทำการตรวจหาสารพันธุกรรมในไมโทคอนเดรีย นั้นเป็นเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีไม่กี่คนในประเทศไทย ซึ่งเเพทย์ยืนยันว่า ถ้าพบกะโหลกมนุษย์ด้านท้ายทอยค่อนมาทางหูชั้นในแสดงว่าเจ้าของกระดูกไม่มีชีวิตเเล้วเเน่นอน

ซึ่งสารพันธุกรรมในไมโทคอนเดรียนั้นสามารถยืนยันได้ 2รุ่น ในเพศหญิง ได้โดยไม่เปลี่ยนเเปลง นั่นสามารถตรวจโครงกระดูกที่พบกับรุ่นเเม่ หรือรุ่นยายได้ เเต่ไม่สามารถตรวจรุ่นที่มากกว่านั้นอย่างเช่นทวดได้ เเพทย์จึงกล้ายืนยันถึงกระดูกที่เจอว่า ถ้ากระดูกนั้นไม่ใช่ลูกก็ต้องเป็นหลาน ของเเม่เเละยาย เเต่ที่อ้างสั่งไม่ฟ้องเพราะว่าไม่สามารถยืนยันสารนี้จากบรรพบุรุษได้ จึงไม่น่าใช่ประเด็นนี้ เพราะลูกๆของเเม่ของนายพอละจีหรือพี่น้องของบิลลี่ยังมีชีวิตอยู่ทุกคน ซึ่งการตรวจสารพันธุกรรมในไมโทคอนเดรีย นั้นถ่ายทอดเฉพาะผู้หญิง ก็ปรากฎว่าในระดับชั้นที่เป็นพี่สาวน้องสาวของ เเม่ของนายพอละจี ยังอยู่ เเละเมื่อคนเหล่านั้นมีบุตร ก็พบว่ายังมีชีวิต ในส่วนคนที่ตายก็เป็นการฝังดินซึ่งก็ตรวจสอบได้ จึงพบว่าในระดับ2รุ่น นั้นไม่มีใครหายตัวไปเลยนอกจากบิลลี่

Advertisement

เรื่องนี้สามารถเทียบเคียงกับการฆาตกรรม พญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ อดีตสูตินรีแพทย์รพ.บุรฉัตรไชยากร ซึ่งกรณีนี้พบเนื้อเยื่อที่กระบังลมเเละใช้ดีเอ็นเอ ได้เพราะพบในระยะเวลาไม่นานหลังจากหายตัว เเต่โครงกระดูกที่เชื่อว่าเป็นขอนายบิลลี่กว่าจะพบใช้เวลาหลายปี ดีเอ็นเอจึงเปลี่ยนสภาพ จึงต้องใช้การตรวจหาสารพันธุกรรมในไมโทคอนเดรีย ซึ่งเเม้จะมีน้อยเเต่คงทนกว่า เเต่มีข้อเสียคือตรวจย้อนได้ถึงเเค่2รุ่น

รายงานข่าวแจ้งว่า คดีในลักษณะนี้หากพูดถึงประจักษ์พยานในการฆ่าก็ต้องย้อนไปดูคดี พญ.ผัสพร ที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง จนบิดาต้องฟ้องเอง ว่าคดีนั้นก็ยังใช้พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เเล้วอย่าลืมว่าคดีการฆาตกรรม บิลลี่นั้น ศาลอาญาคดีทุจริตฯได้พิจารณาพยานหลักฐานเเล้วจึงออกหมายจับผู้ต้องหาให้ในคดีฆาตกรรม ถ้าจะอ้างประจักษ์พยานคดีลักษณะเเบบนี้มักไม่ค่อยมีทั้งนั้น หลักหัวใจสำคัญของคดีนี้ คือมีพยานว่าผู้ต้องหาจับกุมบิลลี่ เเน่นอน ส่วนพยาน2-3ปากที่เคยอ้างว่าเห็น นายบิลลี่ถูกปล่อยตัว เเต่ในภายหลังพยานนั้นเมื่อให้การในชั้นสอบสวนกลับยอมรับว่าจริงๆเเล้ว พยานเหล่านั้นไม่เห็นการปล่อยตัวเเต่อ้างว่าที่ให้การทีเเรกเนื่องจากถูกผู้ต้องหาโน้มน้าวชักจูง ซึ่งพยานเหล่านี้ที่ให้การกลับไปมาถือเป็นพยานที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยเชื่อถือไม่ได้ จึงควรเชื่อว่าพยานไม่เห็นเหตุการณ์  อัยการจะมาเชื่อหรือเอามารับฟังว่าปล่อยตัวเเล้วข้อเท็จจริงตรงนี้มันรับฟังไม่ได้ ผู้ต้องหาเองก็ไม่ได้ให้การ เเล้วอัยการสำนักงานคดีพิเศษนำอะไรมาหักล้างสั่งไม่ฟ้อง

“คดีนี้ผู้ต้องหาเองก็ยอมรับว่าได้นำตัวไปจริง เเต่อ้างว่าปล่อยตัวไปเเล้ว แต่ไม่มีพยานยืนยันว่ามีการปล่อยตัวจริง เเละชิ้นส่วน ชิ้นส่วนกระดูกที่พบก็พบในพื้นที่ที่อยู่ในความดูเเลของจำเลยขณะนั้น “แหล่งข่าวกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image