ทลายเครือข่ายยาเสพติด4รายใหญ่ ยึดยาบ้า3.4ล้านเม็ด ไอซ์ 28 กก. ค่า 789ล้าน

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 กรกฎาคม ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ผบช.ปส. นายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ พล.ต.ต.อาชวันต์ โชติกเสถียร พล.ต.ต.ชินภัทร สารสิน พล.ต.ต.เพชรัตน์ แสงไชย รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.ทนัย อภิชาตเสนีย์ ผบก.สกส.บช.ปส. พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ ทั่งทอง ผบก.ปส.1 พล.ต.ต.ไชยยา รุจจนเวท ผบก.ปส.2 พล.ต.ต พรชัย เจริญวงค์ ผบก.ปส.3 พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ ผบก.ปส.4 พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ ขันธวิจารณ์ ผบก.ขส.บช.ปส. พล.ต.สมพงษ์ แจ้งจำรัส ผบ.กกล.ผาเมือง พ.ต.อ.วรวิทย์ ไวถนอมสัตว์ รอง ผบก.ปส.1 (หนง.ผบช.ปส.) และพ.ต.อ.ชัยโรจน์ ชัยยะ รอง ผบก.ปส.2 (โฆษก บช.ปส.) ร่วมกันแถลงจับกุมขบวนการลักลอบค้ายาเสพติดรายใหญ่ 4 คดี ผู้ต้องหา 14 คน พร้อมยาบ้า 3,447,600 เม็ด ยาไอซ์ 28.450 กิโลกรัม และอื่นๆ อีกหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 789,270,000 ล้านบาท

ปส.2

พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า คดีแรกจับกุมนายบัญชา หรือเอก พ่วงฉิม อายุ 38 ปี ชาวจ.สุพรรณบุรี พร้อมยาบ้า 995,800 เม็ด รถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ได้ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. เลขที่ 10374 (ปตท.ถนนข้าวหลาม บายพาส ชลบุรี) ถนนข้าวหลาม ต.หนองข้างคอก อ.เมือง จ.ชลบุรี หลังได้รับแจ้งจากสายลับว่านายบัญชา ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับทั้งคดียาเสพติดและอื่นๆ หลายคดี ยังมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงและจำหน่ายยาเสพติด รายใหญ่ใน จ.ชลบุรี จึงนำกำลังเฝ้าติดตามกระทั่งทราบว่ากำลังขนย้ายยาเสพติดมาโดยซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์ ระหว่างนั้นผู้ต้องหาแวะเข้ามาพักผ่อนในปั๊ม เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้นและจับกุมดังกล่าว

ปส.3

Advertisement

พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า คดีที่ 2 จับกุมนายเสรี หรือป๋อง วัฒนปกรณ์กิจ อายุ 49 ปี ชาวจ.นนทบุรี พร้อมยาบ้า 1,930,000 เม็ด ยาไอซ์ 26.450 กิโลกรัม รถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง ได้ในบ้านเลขที่ 50/31-32 หมู่ 7 ต.ทวีวัฒนา อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี หลังสืบสวนพบว่ามีพฤติการณ์ลักลอบขนยาเสพติดเครือข่ายรายใหญ่ในจ.นนทบุรี โดยจะลำเลียงยาเสพติดมาซุกซ่อนในบ้านพักเปิดอำพรางเป็นสำนักเข้าทรงเพื่อให้ชาวบ้านเชื่อถือ ทั้งนี้มีผู้ต้องหาอีก 3 คน ยิงเปิดทางหลบหนีไปได้ โดยเจ้าหน้าที่ออกหมายจับเรียบร้อยแล้ว

ปส.4

ด้าน พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ กล่าวว่า คดีที่ 3 จับกุมนายสุชาติ กล้ากสิกิจ อายุ 44 ปี ชาวจ.นครสวรรค์ นายอับดุลอาชิ หวันโส๊ะ อายุ 28 ปี นายอัดนันต์ ปิรู อายุ 27 ปี นายฮำดี บาโงสะตา อายุ 25 ปี ชาวจ.สงขลา นายนุตฟี มะแซจะแหน อายุ 27 ปี และนายมะซัมรี กาเสน อายุ 22 ปี ชาวจ.ยะลา พร้อมยาบ้า 321,800 เม็ด ยาไอซ์ 2 กิโลกรัม รถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เทา ทะเบียน บม 8105 กำแพงเพชร และโทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง หลังได้รับแจ้งว่า มีกลุ่มขบวนการลักลอบขนย้ายยาเสพติดจากทางภาคเหนือ ใช้รถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เทา ทะเบียน บม 8105 กำแพงเพชร ดัดแปลงสภาพยกฝาครอบกระบะไลน์เนอร์ออก เจาะรูทำฝาเปิด-ปิดเพื่อซุกซ่อนยาเสพติดในท้ายกระบะ เพื่อลำเลียงไปส่งมอบให้กับผู้ว่าจ้างใน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ผู้ว่าจ้างจะเดินทางมารอรับเพื่อไปส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เจ้าหน้าที่จึงใช้เครื่องมือพิเศษในการสืบสวนหาข้อมูลของรถกระบะ กระทั่งขับเข้ามาในด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก ต.พระบาทวังตวง อ.แม่พริก จ.ลำปาง มีนายสุชาติ เป็นคนขับ ตรวจค้นพบของกลางซุกซ่อนอยู่ ก่อนขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือเป็นพี่น้องกันได้ที่ จ.นนทบุรี

Advertisement

พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ กล่าวต่อว่า คดีสุดท้ายจับกุม นายเสรี หรือเส อิสลาม อายุ 40 ปี นายวัชรพล หรืออี จงรักษ์ อายุ 29 ปี ชาวจ.กระบี่ นายเจนวิทย์ หรือเบ้ เพชรรัตน์ อายุ 29 ปี นายสมคิด หรือเขียว รักเล่ง อายุ 54 ปี นายรุตชิโรจน์ เหล็มปาน อายุ 27 ปี และนายกิตติระ วรรณเจริญ อายุ 32 ปี ชาวจ.พัทลุง พร้อมยาบ้า 2 แสนเม็ด รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน กฉ 7069 กระบี่ รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน บต 9744 พัทลุง รถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด เฟียสต้า ทะเบียน กฉ 9696 กระบี่ อาวุธปืนขนาด .38 กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 14 นัด และโทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง โดยได้ที่ลานจอดรถในโรงแรมร้อยทอง ต.แพรกหา อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ต่อเนื่องริมถนนสายทางหลวงชนบทหมายเลข 1017 ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน ต.พัทลุง และริมถนนเพชรเกษม ฝั่งขาขึ้น ต.ท่าแค อ.เมือง จ.พัทลุง

ด้าน พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ถือว่าเป็นขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ของประเทศ ลำเลียงมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนนำเข้ามาพักในเขตพื้นที่รอยต่อของกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ บช.ภ.1 ลำเลียงไปส่งมอบให้กับลูกค้าใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ยาเสพติดล็อตนี้เพิ่งผลิตมาใหม่และมีตัวยาแรงหากมีผู้ใดลองเสพเพียงแค่ 1-2 เม็ด ก็สามารถทำให้ติดได้ หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะนำผู้เสพในชุมชนต่างๆ ไปบำบัดเพื่อให้เลิกขาด ทั้งนี้ต้องทลายเครือข่ายที่มีความเชื่อมโยงกันทั้งหมดเพื่อตัดตอน โดยพบว่าเครือข่ายที่เป็นขบวนการใหญ่มีเหลืออีก 28 เครือข่ายเท่านั้น

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ส่วนนายรุตชิโรจน์ ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเข้าไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image