จ่อหมายจับอีกขยัก 4 ผู้ร่วมแก๊ง ‘อุ้มบุญ’ เอาผิดแพทย์หลายคนร่วมเอี่ยวด้วย

ความคืบหน้าการขยายผลจับกุมเครือข่ายแก๊งอุ้มบุญชาวจีน เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.)

พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบก.ปคม. เป็นประธานการประชุมสรุปผลปฎิบัติการตรวจค้น จับกุมและสอบสวนผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวโดยมี พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์ รอง ผบก.ปคม.ตัวแทนจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, สำนักงาน ปปง., บ้านพักเด็กกรุงเทพฯ บ้านพักเด็กอ่อนปากเกร็ด บ้านพักเด็กนนทบุรี, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมการกงสุล ร่วมประชุมเป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง

พล.ต.ต.วรวัฒน์กล่าวว่า ตำรวจเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการในกลุ่มนายเจ้าหราน นายทุนจีนที่ถูกจับไปกลุ่มแรก เพิ่มอีก 4 ราย ในนี้เป็นนายหน้าชาวไทย 3 ราย และเป็นชาวต่างชาติ 1 รายที่เป็นผู้พาแม่อุ้มบุญไปทำคลอดที่ต่างประเทศ โดยตำรวจได้เชิญ 8 แม่อุ้มบุญ จาก จ.ปทุมธานี มาสอบปากคำถึงรายละเอียดแล้วทั้งหมด พบว่าแม่อุ้มบุญกลุ่มนี้น่าจะเป็นผู้ที่ฝังตัวอ่อนของเด็ก 14 คน ซึ่งถูกไปให้พ่อแม่ที่มีใบสั่งในต่างประเทศแล้ว และอยู่ระหว่างการประสานติดตามหาตัวเด็กกลับมาคุ้มครองดูแล ส่วนการตรวจสอบสถานพยาบาลที่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับขบวนการทั้งหมด 9 แห่งนั้น แบ่งเป็นโรงพยาบาล 4 แห่ง และคลินิกอีก 5 แห่ง ทั้งนี้ จากการสอบปากคำแม่อุ้มบุญทั้งหมด 29 คน พบว่าขบวนการนี้มีนายหน้าแบ่งได้ 3 กลุ่ม โดยเครือข่ายของนายเจ้า หราน มีความเกี่ยวข้องกับ 5 แม่อุ้มบุญ ใน จ.หนองคาย อย่างไรก็ตาม คดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาแต่งตั้งคณะทำงานร่วม ซึ่งจะมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร.ควบคุมดูแล

นางนลินา ตันตินิรามัย ผอ.สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า หากพบว่าสถานพยาบาลใดเกี่ยวข้องกับขบวนการอุ้มบุญนี้ ไม่ว่ารูปแบบใด ก็จะดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีแพทย์หลายคนที่ร่วมกระทำด้วย และหากลงมือโดยไม่ได้รับอนุญาตก็มีความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตอนนี้ต้องรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง แม้จะทราบถึงรูปแบบของขบวนการแล้วทั้งหมดแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

Advertisement

นายฐานวัฒน์ พรนิธิดลวัฒน์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพฯ กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยังไม่ได้รับการประสานจากผู้ที่จะมาแสดงตัวเป็นผู้ปกครองของเด็กอุ้มบุญ 2 ราย ที่ได้รับตัวมาดูแลก่อนหน้านี้ ส่วนแม่อุ้มบุญนั้น ก็มีความเครียดบ้าง แต่ได้รับคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ตลอดและดูแลอย่างใกล้ชิด ขณะนี้พบว่าสามารถปรับตัวได้ดี

นายชาตรี พิณไยนิติกร กองกฎหมาย สบส.กล่าวว่า ส่วนการดำเนินคดีในข้อหาอื่นๆ ภายหลังตรวจพบยาและเวชภัณฑ์ภายในบ้านที่เกิดเหตุ แบ่งยาได้ 2 ประเภท คือ ยาแผนไทยและยาแผนโบราณ กับยาแผนปัจจุบันที่ไม่ถูกขึ้นทะเบียนตำรับยาในไทย ซึ่งลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อใช้ในการเร่งฮอร์โมน ต้องนำไปให้คณะกรรมการอาหารและยาตรวจสอบและรายงานผลกลับมายังตำรวจ ปคม.อีกครั้ง เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา เช่นเดียวกับเครื่องมือการผสมเทียมที่ยึดได้จากบ้านที่เกิดเหตุ ว่าถูกนำเข้ามาผิดกฎหมายหรือไม่อย่างไร

Advertisement

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image