ตร.ปอศ.รวบสาวอ้างเป็นโมเดลลิ่ง จัดหานางแบบไปเดินต่างประเทศ ตุ๋นเหยื่อสูญนับแสนบาท

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ(ผบก.ปอศ.) สั่งการให้ พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ต.สมชาย เรืองแก้ว ,พ.ต.ต.จรัส แก้วสง่า สว.กก.๕ บก.บอศ.และเจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.5 บก.ปอศ. นำกำลังจับกุม น.ส.วันทนีย์ ปราโมทย์สุคนธ์ อายุ 43 ปี ผู้ต้องหา“ปลอมและใช้เอกสารปลอม,ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม,ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบใน ประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน,มีไว้เพื่อนําออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการ ที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน โดยเป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ประโยชน์ในการชําระค่า สินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชําระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสด ลักทรัพย์และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน”

พ.ต.อ.ภาดล กล่าวว่า สืบเนื่องจากกลุ่มนางแบบสาว ผู้เสียหายมาพบพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. เพื่อร้องทุกข์ให้ดําเนินคดี กับคนร้าย ซึ่งอ้างว่าตนเป็นโมเดลลิ่ง จัดหานางแบบไปเดินแบบที่ประเทศออสเตรเลีย ทําให้กลุ่มนางแบบ ผู้เสียหายหลงเชื่อ และมอบเอกสารส่วนบุคคลให้กับคนร้ายเช่น บัตรประจําตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน สเตทเม้นบัญชีธนาคาร เป็นต้น โดยอ้างว่าจะนําไป ดําเนินการในเรื่องของการขอวีซ่าเข้าประเทศและใบอนุญาตทํางาน แต่คนร้ายนําเอกสารส่วนบุคคลดังกล่าว ไปสมัครบัตรเครดิต และบัตรสินเชื่อพร้อมใช้ (บัตรกดเงินสด) จากนั้นนําไปกดเงินและชําระค่าบริการ ค่าสินค้า เป็นเหตุให้กลุ่มนางแบบสาว ผู้เสียหาย ถูกธนาคารเรียกชําระค่าบัตรเครดิต มูลค่าความเสียหาย ประมาณ 100,000 บาท

 

Advertisement

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ผกก.5 บก.ปอศ. กล่าวอีกว่าต่อมาจากการสืบสวนสอบสวนทราบว่าคนร้ายเคยถูกจับกุม ดําเนินคดีในลักษณะเดียวกันในเขตพื้นที่นครบาล จากนั้นจึงตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณตู้ เอทีเอ็ม (ATM) และ ร้านค้าต่างๆ ซึ่งคนร้ายนําบัตรเครดิตและบัตรสินเชื่อพร้อมใช้ ไปทํารายการเบิกถอนเงินและชําระค่าบริการ ค่าสินค้า จนทราบ ตําหนิรูปพรรณคนร้าย และทราบว่าคือ น.ส.วันทนีย์ และจากการ ตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหา ถูกดําเนินคดีในอีกหลายท้องที่ และมีมูลค่าความเสียหายจํานวนหลายแสน บาท อีกทั้ง ยังมีหมายจับอีกจํานวน 3 หมายจับ

ด้านพล.ต.ต.ไมตรี ฝากประชาสัมพันธ์และฝากเตือนภัยให้แก่พี่น้องประชาชน ว่าอย่านําข้อมูลส่วนตัว ของตนเองโดยเฉพาะบัตรประจําตัวประชาชน ซึ่งจะมีเลข 13 หลัก และเลขหลังบัตรประชาชน 12 หลัก มอบให้กับบุคคลอื่น มิเช่นนั้นพี่น้องประชาชนอาจจะตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ ที่อาจทําให้เสียเงินเสียทองได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image