เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.กล่าวถึงกรณี เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่ อภิปรายนอกสภา กล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีทุจริตกองทุนความมั่นคั่งแห่งชาติมาเลเซีย หรือ 1MDB โดยการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ในการปกปิดเอาคนบริสุทธิ์เข้าคุก ตลอดจนให้ที่พักพิงอาชญากรอันเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ว่า กรณีที่มีการกล่าวหาว่ามีการกลั่นแกล้งจับกุม นายซาเวียร์ จัสโต (MR.XAVIER JUSTO) สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ หนึ่งในผู้บริหารของบริษัทปิโตรซาอุดิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่เป็นเครือข่ายฟอกเงินกองทุน 1MDB ที่ลาออก และนำข้อมูลมาเปิดเผยต่อสาธารณะนั้น จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 นายซาเวียร์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามจับกุมดำเนินคดี หลังมีผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์ว่ามีพฤติกรรมข่มขู่รีดเอาทรัพย์ บริษัท ปิโตรซาอุดิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ นายซาเวียร์ เคยทำงานอยู่ โดยพบว่ามีการส่งอีเมลล์จากบ้านพักที่อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี คดีนี้จึงเป็นคดีที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักร ตำรวจไทยมีอำนาจในการสอบสวนดำเนินคดี จากการสอบสวนนายซาเวียร์ ได้ให้การรับสารภาพ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558 ศาลชั้นต้นจึงได้พิพากษาลงโทษจำคุก 6 ปี และเนื่องจากให้การรับสารภาพศาลจึงลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 3 ปี
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า ระหว่างการถูกคุมขังในเรือนจำ มีการยื่นคำร้องขอโอนตัวนายซาเวียร์ กลับไปรับโทษต่อยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตามสนธิสัญญา แต่เนื่องจากขณะนั้นยังเหลือโทษที่ต้องจำคุกมากกว่า 1 ปี ซึ่งตาม พ.ร.บ.การปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ.2527 กำหนดให้การโอนตัวนักโทษได้นั้นจะต้องเหลือโทษที่จำคุกน้อยกว่า 1 ปี คณะกรรมการพิจารณาโอนตัวนักโทษ ได้พิจารณาเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2559 แล้วมีมติยังไม่ให้โอนตัวนายซาเวียร์ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ นายซาเวียร์ ถูกจำคุกเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2559 จึงได้รับการปล่อยตัวตาม พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ เนื่องในวโรกาสสำคัญของชาติ 2 ฉบับ ก่อนถูกผลักดันออกนอกราชอาณาจักร และเนื่องจากเป็นผู้ที่ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาของศาลไทย จึงถูกจัดเก็บข้อมูลไว้ในระบบสารสนเทศของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 12(6),(7) ถูกสั่งห้ามเข้าประเทศตลอดชีวิต ซึ่งในระบบจะบันทึกว่าห้ามเข้าประเทศ 100 ปี
“กรณีนี้หากนายซาเวียร์ เป็นผู้บริสุทธิ์ และถูกกลั่นแกล้ง เหตุใดจึงยอมติดคุก โดยไม่ต่อสู้คดี เพราะตามขั้นตอนจำเลยยังสามารถอุทธรณ์และฎีกาได้ ขณะเดียวกันจะเห็นได้ว่านายซาเวียร์ ได้รับการปล่อยตัวตามพ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ ฉะนั้นหากรัฐบาล หรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลั่นแกล้ง นายซาเวียร์ น่าจะไม่ได้รับโอกาสดังกล่าว”รองโฆษก ตร. และว่า จากข้อเท็จจริงดังกล่าวยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้ช่วยปกปิดข้อมูล หรือ กลั่นแกล้งนายซาเวียร์ แต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่ามีการให้ความคุ้มครองช่วยเหลือ นายโจ โล นายตังเคงฉี และ นางจัสมิน ลู ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตยักยอกเงินกองทุน 1MDB ให้สามารถเข้า-ออก และพักอาศัยในประเทศได้ ทั้งที่รัฐบาลสิงคโปร์และมาเลเซีย ได้ขอให้ตำรวจสากลออกหมายแดง เพื่อให้กลุ่มประเทศสมาชิกจับกุมบุคคลที่มีหมายจับหรือผู้ร้ายข้ามแดนเมื่อได้รับการร้องขอ พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า ทั้ง 3 คน มีการเข้า-ออกช่องทางตามกฎหมายอย่างถูกต้อง และมีการบันทึกการเข้า-ออกไว้ตลอด โดยทั้ง 3 คน ได้เดินทางเข้า-ออกประเทศไทยก่อนที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) จะมีการเชื่อมต่อระบบสารสนเทศกับฐานข้อมูลของตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล ทั้งนี้ ภายหลังมีการเชื่อมต่อระบบฐานข้อมูล ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2562 แล้ว สตม. จึงทราบว่ามีการออกหมายแดงดังกล่าว โดยนายโจโล และนางจัสมิน ลู ได้ออกนอกประเทศไปแล้ว และไม่ได้มีการเดินทางเข้าประเทศไทยอีก ส่วนนายตังเคงฉี ซึ่งทราบว่ายังคงหลบหนีอยู่ในประเทศ ขณะนี้ทางสตม.มีข้อมูลอยู่แล้ว และอยู่ระหว่างเร่งสืบสวนติดตามตัว
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
