รองโฆษกตร. เตือนพวกกุเฟคนิวส์โควิด-19 โทษคุก 5 ปีปรับ 1 แสน คนแชร์โดนด้วย

โควิด19-เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นอกเหนือจากการเฝ้าระวังและป้องกัน การแพร่ระบาด เชื้อไวรัส (COVID-19) ตลอดจนมาตรการสืบสวนปราบปรามผู้ฉวยโอกาส จำหน่าย หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เกินราคา หรือ หลอกลวงสภาพ คุณภาพ ตลอดจน การกักตุนสินค้า เอารัดเอาเปรียบประชาชนนั้น

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร./ ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) ดำเนินการ สืบสวน จับกุม ปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับการเทคโนโลยี นำเข้าและส่งต่อข้อมูล ในระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ บิดเบือนข้อมูล หรือ FAKE NEWS ซึ่งมีการแพร่หลายในโซลเชียมิเดีย โดยเฉพาะในข้อความลักษณะที่ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่าและเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรน่า ซึ่งทำให้สังคมเกิดความสับสนและประชาชนตื่นตระหนก

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ก็ทำการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดมาแล้วหลายราย อาทิ ผู้ที่โพสต์หรือนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ มีความผิดฐาน “นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม มาตรา 14(2) พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 และ สำหรับผู้แชร์ หรือ ส่งต่อ มีความผิดฐาน “เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่น่าจะเกิด ความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม มาตรา 14 (5) พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560

“ฝากเตือนไปยัง ผู้สร้างข่าวปลอมในลักษณะนี้ ที่ทำให้เกิดความสับสนในสังคมและสร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ให้หยุดการกระทำนั้นเสีย เพราะ เป็นการซ้ำเติมประชาชน ในห้วงเวลาที่สังคมเกิดความหวาดระแวง ซึ่งหน่วยงานรัฐและเอกชนทุกภาคส่วน กำลังเร่งดำเนินการช่วยเหลือ แก้ไข สถานการณ์อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับประชาชน” พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าว

Advertisement

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะเร่งดำเนินการ จับกุมปราบปราม การกระทำความผิดลักษณะดังกล่าว มาดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างเด็ดขาดทุกราย พร้อมทั้ง ขอให้ประชาชนโปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร ในโซลเชียลมิเดีย อย่างถี่ถ้วน (อย่าเพิ่งเชื่อ อย่าเพิ่งแชร์) ให้ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้ดีเสียก่อน เพราะอาจตกเป็นเหยื่อ หรือ ถูกหลอกลวง หรือ อาจไปสร้างความสับสน เกิดความตื่นตระหนกแก่ผู้อื่น ซึ่งอาจเป็นความผิดทางอาญา มีโทษทั้งจำและปรับ

 

Advertisement

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image