“บิ๊กต๊อก”เปิดหลักสูตรพัศดี”กรมคุกรุ่นแรก 60 คน” ทิ้งท้ายผลงาน “อธิบดีวิทยา”

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 1 ก.พ. ที่กรมราชทัณฑ์ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมและเปิดป้ายโรงเรียนพัศดี ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงาน ประกอบด้วย นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม พล.ท.ทิวะพร ชะนะพะเนาว์ คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และผู้บริหารระดับสูงของกรมราชทัณฑ์ โดยมีนายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้การต้อนรับ

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า หลักสูตรพัศดีเป็นหลักสูตรที่มีความสำคัญ เนื่องจากพัศดีเป็นตำแหน่งระดับผู้บังคับบัญชาที่มีความสำคัญต่องานเรือนจำและการปฎิบัติต่อผู้ต้องขัง ดังนั้น ผู้ที่จะทำหน้าที่พัศดีจำเป็นต้องมีความรู้ ความสามารถเกี่ยวกับการบริหาร การปฏิบัติงานในเรือนจำ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ปกครองเรือนจำได้อย่างมืออาชีพ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็มองเห็ความสำคัญในเรื่องนี้ จึงได้สั่งการให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์นำหลักสูตรพัศดีกลับมา เนื่องจากมองว่าหลักสูตรพัศดีเป็นเรื่องดีและสำคัญ

“เมื่อตอนผมเป็นเด็ก ผมได้ยินคำว่า ผู้คุม พัศดี และผู้บัญชาการ มาตลอด และพอได้เข้ามาบริหารงานกระทรวงยุติธรรม จึงได้สอบถามว่าพัศดียังมีอยู่หรือไม่ ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีแล้ว เลิกไปแล้ว แต่ตนคิดว่าประชาชนแถบทุกพื้นที่ยังคงคิดว่าพัศดียังมีอยู่ ผมจึงให้อธิบดีราชทัณฑ์ไปรื้อฟื้นกลับมา เพราะมองว่าเป็นเรื่องสำคัญและเป็นความขลัง เนื่องจากหน่วยงานอื่นไม่มี อีกทั้งงานราชทัณฑ์เป็นการที่ต้องปกครองคน”พล.อ.ไพบูลย์กล่าว

12633247_1031313860263478_1652922260_o

Advertisement

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า กรมราชทัณฑ์ทำงานกับคน มีคนที่สังคมไม่ต้องการมาอยู่ ซึ่งหมายความว่า สังคมได้คัดแยกว่าคนเหล่านี้เป็นภัยต่อสังคม ดังนั้น คนเหล่านี้ก็เปรียบเสมือนผ้าสีขาวที่สกปรก เมื่อมาอยู่กับกรมราชทัณฑ์ ก็ต้องดูแลทำควาสะอาดให้กับพวกเขา แต่จะให้สะอาดหมดก็คงเป็นไปไม่ได้ มันอาจมีสีเทาๆบ้าง ซึ่งคนที่จะทำให้พวกเขาสะอาดได้จะต้องเป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ และทัศนคติต่อคนเหล่านี้ โดยสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นจากการเรียนรู้และประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้ไปตำหนิ คำวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมที่มีต่อกรมราชทัณฑ์ เพราะเราเอามือปิดแผ่นฟ้าไม่ได้ ระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ตนรับรู้เรื่องนี้มาเยอะมาก แต่ตราบใดที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็จะต่อสู้กับสิ่งเหล่านี้ให้ได้

“ผมพยายามทำทุกอย่าง คุยกับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในเรื่องของระบบการบริหาร และปัญหาที่หมักหมมมานาน อีกทั้ง ได้พยายามทำให้เรือนจำเป็นแดนเปิด เพื่อไม่ให้สังคมมองว่าเรือนจำเป็นที่สร้างปัญหา แต่เราจะล้างความสกปรก ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เจ็บปวดในใจผมตลอดเวลา ยืนยันจะต่อสู้และทำให้ดีขึ้น ซึ่งทุกคนที่เกี่ยวข้องก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย”พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวและว่า ตนอยากให้มีการศึกษาเกิดขึ้นระหว่างการทำงาน เพราะสังคมปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก ทั้งในเรื่องของกฎหมายและเทคโนโลยี จึงให้อธิบดีนำหลักสูตรพัศดีกลับมา

ด้านนายวิทยา กล่าวว่า หลักสูตรนักบริหารงานราชทัณฑ์ระดับผู้บังคับบัญชา หรือพัศดี มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบุคลากรของกรมราชทัณฑ์ให้มีทักษะ คุณสมบัติ และประสบการณ์ทางการปกครองที่จำเป็น รวมถึงมีความพร้อมที่จะทำหน้าที่ผู้บังคับบัญชา ซึ่งต้องมีความรู้และความเข้าใจงานราชทัณฑ์อย่างแท้จริง สามารถนำยุทธศาสตร์และนโยบายของผู้บริหารไปสู่การปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเหมาะสม อีกทั้ง ต้องมีภาวะผู้นำ มีคุณธรรมจริยธรรม สามารถนำหลักการไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Advertisement

นายวิทยา กล่าวต่อว่า สำหรับหลักสูตรพัศดีในครั้งนี้ มีข้าราชการราชทัณฑ์ผ่านการคัดเลือก 60 คน โดยมีการฝึกอบรมทั้งสิ้น 22 สัปดาห์ รวม 686 ชั่วโมง ประกอบด้วยหลักสูตรอบรม 5 หมวดวิชา คือ 1.หมวดวิชาความรู้ในการบริหารงานราชทัณฑ์ 2.หมวดวิชาการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการควบคุมดูแลผู้ต้องขัง 3.หมวดวิชาการพัฒนาทักษะและบริหารจัดการสมัยใหม่ 4.หมวดวิชาการสร้างวินัย ความรับผิดชอบ และ 5.หมวดวิชาการศึกษาดูงาน ทั้งนี้ โรงเรียนพัศดีถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการที่จะพัฒนาทักษะและศักยภาพของข้าราชการราชทัณฑ์ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งพัศดีอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่างานดังกล่าวมีผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ ระดับรองอธิบดีมาร่วมงาน ประกอบด้วยนายเรืองศักดิ์ สุวารี นายวสันต์ สิงคเสลิต นายนิมิต ทัพวนานต์ ส่วนนายนิมิต ทัพวนานต์ นายปฏิคม วงษ์สุวรรณ. รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ติดราชการไม่ได้อยู่ร่วมงาน ทั้งนี้งานดังกล่าวนายวิทยา ได้ริเริ่มให้มีการจัดตั้งโรงเรียนพัศดี ในช่วงดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ก่อนจะถูกเสนอให้มีการปรับย้ายไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง และคณะรัฐมนตรีมีมติไปก่อนหน้านี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image