จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศใช้มาตรา 44 คำสั่งที่ 36/2559 เรื่องมาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย คำสั่งดังกล่าวประกาศใช้เมื่อวันที่ 5 ก.ค.59 ที่ผ่านมา ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีเป็น 1 ใน 25 จังหวัดที่ต้องดำเนินการ โดยมีเป้าหมาย 14 แปลง ใน 4 อำเภอ รวมเนื้อที่ 14,927 ไร่ และ 1 ใน 14 แปลง เป็นของ น.ส.เพียงใจ หาญพาณิชย์ อายุ 92 ปี แม่ของนายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เศรษฐีระดับแสนล้าน นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังระดับประเทศ โดยทาง ส.ป.ก.ได้นำป้ายไปติดหน้าแปลงแสดงกรรมสิทธิ์เนื้อที่ จำนวน 1,263 ไร่ ที่ติดกับถนนสาย 323 กาญจนบุรี-ไทรโยค หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ก่อนหน้านี้แล้วนั้น
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ 13 ก.ค.59 นายวัชรินทร์ วากะมะนนท์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย นางรจนพรรณ ณรงค์อินทร์ นิติกร ส.ป.ก.กาญจนบุรี นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก.จำนวน 900 ไร่ หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ที่ได้รับการร้องเรียนว่า มีสมาคมชื่อดังแห่งหนึ่งเข้ายึดพื้นที่และมีการทำข้อตกลงกับชาวบ้านรายหนึ่ง รวมเนื้อที่ขายให้กับวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หรือวัดเสือ โดยข้อตกลงทำขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2552 ครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากธนารักษ์พื้นที่กาญจนบุรี เดินทางไปด้วย เนื่องจากต้องเข้าไปตรวจสอบพื้นที่จำนวน 450 ไร่ ที่ติดกับเขตวัดป่าหลวงตาบัวฯ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินราชพัสดุ อยู่ในความดูแลของกองทัพบก โดยมณฑลทหารบกที่ 17 แต่มีประชาชนร้องเรียนว่ามีผู้บุกรุกยึดถือครอบครอง จึงต้องบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เข้าทำการตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อดำเนินการกับผู้บุกรุกต่อไป
ต่อมาเวลาประมาณ 11.15 น. ระหว่างคณะเจ้าหน้าที่กำลังลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดิน จำนวน 450 ไร่นั้น ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.กาญจนบุรี ว่า น.ส.เพียงใจ หาญพาณิชย์ พร้อมด้วย นางศศิธร ทองถวิล เลขานุการส่วนตัว มารอพบที่สำนักงาน ส.ป.ก. ดังนั้น นายวัชรินทร์จึงรีบเดินทางกลับที่ทำงานทันที โดย น.ส.เพียงใจเปิดเผยว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวซื้อเมื่อปี 2532 ซึ่งยุคสมัยที่ พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจะพบว่ามีการกว้านซื้อที่ดินเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีการเร่งออกโฉนด ซึ่งไม่ทราบมาก่อนว่าที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นของรัฐ
ซึ่งขณะนั้นได้มี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และนายหน้าซึ่งเป็นผู้หญิง รวม 3 คน นำที่ดินแปลงนี้มาเสนอขายให้ตนในราคาไร่ละ 12,000 บาท เนื้อที่ทั้งหมดจำนวน 3,000 ไร่ รวมเป็นเงิน 36 ล้านบาท หลังจากที่ตนจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวไปแล้วเรียบร้อย กลุ่มผู้กว้างขวางดังกล่าวก็ได้ร่วมกันโกงที่ดินแปลงดังกล่าวไปเป็นจำนวนมาก ตนจึงเหลือที่ดินเพียง 1 พันไร่เศษ จากนั้นเมื่อปี 2537 นายหน้าคนดังกล่าวได้เสียชีวิตลง ต่อมาบุตรสาวของนายหน้าก็ได้ว่าจ้างกลุ่มบุคคลเข้าไปทำการยึดถือครอบครองที่ดินที่เหลือทั้งหมด พร้อมกับให้นักเลงท้องถิ่นมาข่มขู่ตนถึงขั้นเอาชีวิตด้วย ตนจึงนำป้ายไปปักไว้เพื่อแสดงสิทธิตามที่เห็นว่าห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปบุกรุกที่ดินแปลงดังกล่าวอีกไม่เช่นนั้นจะดำเนินคดีเช่นกัน
และสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตนตัดสินใจซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีในสมัยนั้นได้นำป้ายมาปักโฆษณาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเอาไว้ว่า “แดนมหัศจรรย์” เนื่องจากถนนติดกับแปลงที่ดิน เป็นถนนที่ค่อนข้างที่จะอัศจรรย์ คือ หากนำรถมาจอดบนถนนหันหน้าไปทางภูเขาที่เป็นเนินสูง รถก็จะไหลขึ้นไปเองอย่างน่าประหลาดใจ ซึ่งถือว่าเป็นความอัศจรรย์ และตั้งใจว่าจะสร้างโรงแรมบนต้นไม้บนที่ดินแปลงนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้สร้างและหลังจากที่ทราบว่าที่ดินที่ซื้อมานั้นเป็นที่ดินของ ส.ป.ก.ซึ่งถือว่าเป็นที่ดินของรัฐ ก็ขอยอมรับผิดเองที่ไม่ได้มีการตรวจสอบให้ละเอียดว่าที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินที่ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่ขณะนี้ตนก็มีความยินดีที่จะส่งมอบคืนให้กับหน่วยงานรัฐด้วยความเต็มใจ การที่มาพบ ส.ป.ก.ในวันนี้ จุดประสงค์ก็คือต้องการมอบที่ดินให้กับ ส.ป.ก.โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น
