“สมศักดิ์” ให้ก.ยุติธรรม เร่งเกลี่ยงบช่วยปชช.เยียวยาโควิดกระทบ สั่งราชทัณฑ์อย่าประมาท
รมว.ยุติธรรมเข้าประชุมผู้บริหารยธ. ให้กระทรวงเร่งเกลี่ยงบช่วยปชช. สั่งราชทัณฑ์อย่าประมาท การติดเชื้อโควิดจนท.- ผู้ต้องขัง กำชับคุมประพฤติ จัดซื้อกำไลอีเอ็ม ต้องดี-ถูกทันสมัย
เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม โดยมี นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และผู้บริหารระดับสูง เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง วาระประชุมในวันนี้ประเด็นส่วนมากเป็นเรื่องของงบประมาณที่กระทรวงยุติธรรมต้องปรับงบส่งคืนรัฐบาล เพื่อไปช่วยประชาชน ผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด-19
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมางานด้านป้องกันโควิด-19 เราทำได้ดีขึ้น มีความคืบหน้าไปมากทั้งในการป้องกัน และสามารถมีแล็บในการตรวจเชื้อได้ ราชทัณฑ์ต้องไม่ประมาท ต้องทำทุกทางให้ผู้ต้องขังห่างเชื้อโควิด-19 เวลานี้ก็ทำได้ดีอยู่แล้ว แต่เราต้องอธิบายหลักการ ขั้นตอนให้ญาติพี่น้อง ผู้ต้องขังสบายใจ ถ้าผู้ต้องขัง 1 คน มีญาติ 10 คน เรามีผู้เกี่ยวข้องเกือบ 4 ล้านคน
ดังนั้นต้องชี้แจงให้ได้ ซึ่งทราบว่าวันนี้มีกลุ่มไลน์ เพื่อชี้แจงอีกทางหนึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี และที่สำคัญประชาชนทั่วประเทศต้องเข้าใจในแนวทางที่เราทำด้วยว่าดำเนินการอะไรบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้เกิด ความไม่สบายใจ ตกใจ จนเข้าใจผิด
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวว่าได้กำชับกรมคุมประพฤติดำเนินการในเรื่องกำไลอิเล็กทรอนิกส์ หรือกำไลอีเอ็ม ให้รวดเร็ว รอบคอบ ให้ได้ของดีและทันสมัย เพราะตรงนี้จะเป็นประโยชน์ในการลดความแออัดในเรือนจำ และอาจจะนำมาช่วยสังคมในกรณีการกักตัวผู้รับเชื้อโควิด-19
อย่างไรก็ตามอยากให้ผู้ฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามยึดทรัพย์ เครือข่ายยาเสพติดต้องทำต่อเนื่อง เมื่อโควิดหายไป เราจะได้ลุยกวาดล้างทันที ส่วนในการคืนงบประมาณ ก็ขอให้ราชการทุกคนให้ความร่วมมือในการคืนงบเพื่อไปช่วยเหลือประชาชน และภาคเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวราวรายงานการประชุมผู้บริหารกระทรวงครั้งนี้นายสมศักดิ์ได้เดินทางมายังกระทรวงยุติธรรมเพื่อประชุม หลังจากมีข่าวเรื่องเจ้าหน้าที่สหกรณออมทรัพย์ กระทรวงยุติธรรม ติดเชื้อโควิด ซึ่งทางกระทรวงได้ดำเนินการพ่นยาฆ่าเชื้อ กักตัวผู้ใกล้ชิดกับผู้ป่วย ทั้งนี้ในการประชุมครั้งนี้ ทุกคนในห้องได้ใส่หน้ากากอนามัย และมีการเว้นระยะห่างในการนั่งถึง 2เมตร เพื่อป้องกันเชื้อโควิด-19