10 วันหลังเคอร์ฟิวผู้ฝ่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังสูง กทม.แชมป์ สงกรานต์วันแรก ผิด1,553 คน

เลขาฯศาลเผย10วันหลังเคอร์ฟิว ผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังสูง กทม.แชมป์

เมื่อวันที่ 14 เมษายน นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า ข้อมูลสถิติคดีความผิดตามพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ที่เข้าสู่การพิจารณาของศาลชั้นต้นทั่วประเทศ ซึ่งศูนย์ข้อมูลคดี สำนักแผนงานและงบประมาณ สำนักงานศาลยุติธรรม ได้รวบรวมสถิติคดีดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ภายหลังรัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว ห้ามบุคคลใดออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. โดยไม่มีความจำเป็น และได้มีการผ่อนปรนข้อยกเว้นการห้ามออกนอกเคหสถานในช่วงเคอร์ฟิวสำหรับบางอาชีพเพิ่มเติมตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 3) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10เมษายนที่ผ่านมา

โดยพบว่าในวันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของเทศกาลสงกรานต์ มีจำนวนคดีที่เข้าสู่การพิจารณาของศาล ดังนี้ กลุ่มศาลอาญา ศาลจังหวัด และศาลแขวง มีจำนวนคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณา ทั้งหมด 1,320 คดี คดีที่พิพากษาแล้วเสร็จ ทั้งหมด 1,211 คดี (คิดเป็นร้อยละ 91.74)

สำหรับผู้ถูกตั้งข้อหาที่มีการกระทำความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำนวน 1,553 คน แบ่งเป็นสัญชาติไทย 1,469 คน สัญชาติอื่น 84 คน และกระทำผิดตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ.2558 จำนวน 39 คน แบ่งเป็นสัญชาติไทย 38 คน สัญชาติอื่น 1 คน

จังหวัดที่มีผู้กระทำความผิด สูงสุด 3 อันดับ ในแต่การฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อันดับ 1 จ.ชลบุรี จำนวน 110 คน และ กรุงเทพมหานคร จำนวน 110 คน อันดับ 2 จ.ระยอง จำนวน  75 คน อันดับ 3  จ.ลพบุรี จำนวน   64 คน

Advertisement

จังหวัดที่มีผู้กระทำความผิดโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มากที่สุด 3อันดับแรก คือ อันดับ 1 จ.ชลบุรี จำนวน 18 คน  อันดับ 2 จ.ยะลา จำนวน 12 คน อันดับ 3 จ.สมุทรสาคร จำนวน  3 คน

ในกลุ่มศาลเยาวชนและครอบครัว พบว่ามีจำนวนจำนวนคำร้องที่ขอตรวจสอบการจับ รวมทั้งสิ้น 68 คำร้อง

ข้อหาที่เข้าสู่การตรวจสอบจับกุม ได้แก่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำนวน 68 คน (สัญชาติไทย 65 คน / สัญชาติอื่น 3 คน) โดยทั้งหมดผ่านการตรวจสอบการจับ ว่าชอบด้วยกฎหมาย

Advertisement

นายสราวุธ กล่าวต่อว่า ภาพรวมสถิติคดีสะสมตั้งแต่วันที่ 3-13 เมษายน มีดังนี้ กลุ่มศาลอาญา ศาลจังหวัด และศาลแขวง  มีคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณา ทั้งหมด 9,007 คดี พิพากษาแล้วเสร็จ ทั้งหมด 8,515 คดี (คิดเป็นร้อยละ 94.54) สำหรับผู้ถูกตั้งข้อหาที่มีการกระทำความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำนวน 10,089 คน แบ่งเป็นสัญชาติไทย 9,460 คน สัญชาติอื่น 629 คน ส่วนการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 จำนวน 115 คน สัญชาติไทย 107 คน สัญชาติอื่น 8 คน และการกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 จำนวน 2 คนสัญชาติไทย

จังหวัดที่มีผู้กระทำความผิด สูงสุด 3 อันดับ ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อันดับ 1 กรุงเทพมหานคร จำนวน 730 คน อันดับ 2 จ.ชลบุรี จำนวน 462 คน อันดับ 3 จ.ปทุมธานี จำนวน 455 คน จังหวัดที่มีผู้กระทำความผิด สูงสุด 3 อันดับ ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 อันดับ 1 จ.ชลบุรี จำนวน  42 คน อันดับ 2 จ.สมุทรสาคร จำนวน  27 คน อันดับ 3 จ.ยะลา จำนวน  14 คน

และจังหวัดที่มีการทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 อันดับ 1 นนทบุรี จำนวน 1 คน นราธิวาส จำนวน 1 คน

ในกลุ่มศาลเยาวชนและครอบครัว พบมีข้อหาที่เข้าสู่การตรวจสอบจับกุม ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำนวน 548 คน แบ่งเป็นสัญชาติไทย 530 คน สัญชาติอื่น 18 คน คำร้องและมีข้อหาที่เข้าสู่การตรวจสอบจับกุม ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558
จำนวน 4 คน และจากผลการตรวจสอบการจับ ชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 552 คน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 2 คน

เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้ช่วงนี้จะเป็นเทศกาลสงกรานต์ แต่ในปีนี้รัฐบาลประกาศให้งดกิจกรรมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ยังพบว่ามีผู้กระทำผิดรวมกลุ่มดื่มสุราและเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ นอกจากนี้ ยังมีผู้อาศัยช่วงเวลาเคอร์ฟิวก่อเหตุลักทรัพย์ในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จึงอยากฝากความห่วงใยและขอความร่วมมือประชาชนให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ช่วงเวลานี้สังคมไทยต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน แต่หากต้องการแสดงออกในวันสงกรานต์ ก็ขอให้ใช้กิจกรรมที่ปลอดภัยแก่ทุกคน เช่น ใช้โซเชียลมีเดีย หรือกิจกรรมในครอบครัวตามคำแนะนำของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ยังคงต้องใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือให้สะอาด และสร้างระยะห่างทางสังคมตามแนวทางเพื่อตัวเองและส่วนรวม คือ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image