เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายสมาน เขียนโคกกวด พร้อมตัวแทนชาวบ้านหินเพิง ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ประมาณ 30 คนเข้ายื่นเอกสารร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอความเป็นธรรมหลังจากบริษัทฟาร์มโชคชัยกำหนดเวลาเปิด-ปิดประตูทางเข้า-ออกหมู่บ้าน
โดยนายสมานกล่าวว่า บริษัทดังกล่าวทำประตูทางเข้า-ออกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 4 พันไร่ เป็นหญ้ารกร้างกว่า 10 ปี โดยชาวบ้านในหมู่บ้านใช้เส้นทางนี้ในการสัญจรและทำการเกษตร ไม่เคยมีปัญหาแต่อย่างใด กระทั่งช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาทางบริษัทระบุเวลาปิด-เปิดทางเข้า-ออก ตั้งแต่เวลา 07.00-13.00 น. ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างมากและไม่สามารถออกไปไหนได้หากเลยกำหนดเวลา อีกทั้งสงสัยว่าโฉนดที่ดินบริเวณนี้ทำไมเพิ่งออกมาทีหลัง เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวมีมาสมัยปู่ย่าตายายแล้ว
นายสมานกล่าวต่อว่า ทางบริษัททำประตูด้านหน้าพร้อมมีป้อมยาม ส่วนด้านหลังทำประตู 2 ชั้น และปิดสนิท ไม่ทราบว่าทำไปเพราะอะไร เป็นการกลั่นแกล้งชาวบ้านหรือไม่ อย่างไร ที่ผ่านมาตนและชาวบ้านเคยร้องเรียนกับ อบต.ขนงพระ เพราะเป็นผู้มีอำนาจโดยตรงสั่งการได้ แต่ไม่ทำ รวมทั้งเคยเดินทางไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ เช่น กระทรวงมหาดไทย (มท.) ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา ฯลฯ สุดท้ายไม่เป็นผล จึงต้องเดินทางมาร้องเรียนที่กระทรวงยุติธรรมเพื่อขอความเป็นธรรม
“อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือดูแลชาวบ้านหมู่บ้านหินเพิง มีประมาณ 20 หลังคาเรือนได้รับความเดือดร้อนและยากลำบากจริงๆ อยากให้กระทรวงยุติธรรมช่วยเจรจาเพื่อให้บริษัทเปิดทางเข้า-ออกหมู่บ้าน รวมทั้งมอบเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์และทำเกษตรกรรม โดยเปิดตลอด 24 ชม. และไม่ให้มีสิ่งกีดขวางใดๆ เลย” นายสมานกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ดุษฎีกล่าวว่า เบื้องต้นจะรับเรื่องไว้พิจารณาให้การช่วยเหลือ เป็นเรื่องที่ชาวบ้านทำหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ส่วนบัตรสนเท่ห์หรือหนังสือร้องเรียนอื่นๆ กระทรวงยุติธรรมจะรวบรวมเป็นชุดเดียวกัน และส่งให้เจ้าหน้าที่อนุกรรมการลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าบริเวณนั้นเกิดปัญหาอะไรขึ้นกันแน่ ทั้งนี้ ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนไม่ใช่เฉพาะชาวบ้านที่มาร้องเรียนในวันนี้เท่านั้น แต่จะทำทุกพื้นที่ทั้งหมดเนื่องจาก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม มีนโยบายกำหนดแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 หรือวันแมป หากบริเวณใดมีปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อน ชุดตรวจสอบจะดำเนินการแบบเดียวกันและศึกษาที่มาของพื้นที่บริเวณนั้นว่าสามารถออกเอกสารสิทธิได้หรือไม่
“กระทรวงยุติธรรมจะเอาโฉนดที่ดินทั้งหมดของนิคมสร้างตนเองไปให้สมาชิกที่เป็นชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ ว่าอยู่ในพื้นที่ใดบ้าง มายืนยันในอัตราส่วนตามกำหนดจะได้รู้ว่าออกทับพื้นที่สาธารณะตรงไหน หรือออกเกินแผนที่ท้าย พ.ร.บ.นิคมสร้างตนเองหรือไม่ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีข่าวเกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิทับพื้นที่ทางสาธารณะตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง ทับที่ชาวบ้าน ที่ป่า เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ควรแก้ไข เพราะประชาชนเดือดร้อนไม่มีที่ทำกิน แต่ปรากฏว่าที่ทำกินออกโดยนิคมฯ สุดท้ายกลับไปอยู่ในมือนายทุนทั้งหมดและเตรียมนำเสนอ รมว.ยุติธรรมเพื่อแก้ไขอย่างเป็นระบบทั้งหมด” พ.ต.อ.ดุษฎีกล่าว
