“สมศักดิ์” ย้ำรัฐบาลเน้นยึดทรัพย์นักค้าเข้มข้น ‘ไม่ใช้วิธีฆ่าตัดตอนเหมือนอดีต'(คลิป)

“สมศักดิ์” ย้ำรัฐบาลนี้ไม่ใช้วิธีฆ่าตัดตอน ปราบยาเหมือนอดีต-เน้นยึดทรัพย์เข้มข้น

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 8 พ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานติดตามผลการดำเนินงานด้านการปราบปราม ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด

โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. ร่วมแถลงผล ณ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายอุทัย สินมา รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด รักษาการในตำแหน่ง อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีแรงงานภาค 3 พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมสรรพากร เข้าร่วมและแถลงข่าว

ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า การยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดผ่านมากว่า 3 เดือน ได้ดำเนินการตัดวงจรของเครือข่ายยาเสพติด ตามนโยบายที่มอบหมายว่า แนวทางการทำงานรัฐบาลปรามปรามยาเสพติด ของรัฐบาลชุดนี้ ไม่ใช่การฆ่าตัดตอนเหมือนรัฐบาลในอดีต  โดยใช้วิธีการให้เรียบร้อยสิ้นซาก ซึ่งเป็นการนำมาตรการยึดทรัพย์มาดำเนินการ

Advertisement

และที่ผ่านมาการแก้ปัญหายาเสพติดได้รับการจัดสรรงบประมาณบูรณาการ 5,200 ล้านบาท แต่ช่วง 4 ปี กว่า ที่ผ่านมาป.ป.ส. บช.ปส.และตำรวจทำงานจริงจังเข้มแข็งมาก แต่อย่างไรก็ตามสามารถยึดทรัพย์สินจากเครือข่ายยาเสพติดได้เพียงปีละกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าขาดทุน

ความล่าช้าการดำเนินคดีซึ่งความจริงแล้วคดีที่จะนำไปสู่การมาตรการยึดทรัพย์ตามพ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ในข้อหา มาตรการสมคบนั้นน่าจะมีประมาณ 80,000 คดี ที่ส่งฟ้องไม่ถึง1,000 เรื่อง มีข้อติดขัดในเรื่องขั้นตอนการอนุมัติส่งฟ้องจึงมีการปรับเปลี่ยนและที่ก่อนหน้านี้มีเลขาธิการปปส.เท่านั้นแต่ปัจจุบันได้ตั้งให้แต่ละภาคของปปส.มีอนุกรรมการขึ้นมาดำเนินการได้ทันที ซึ่งน่าจะเร็วขึ้น

นายสมศักดิ์ ยังกล่าวว่า การยึดทรัพย์ ยังได้เรียนรู้จากต่างประเทศอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย​โดยใช้วิธีการคำนวณว่าผู้ค้าค้ามากี่แล้ว 1 ปีมีรายได้เท่าไหร่ เช่น ค้ามา 10 ปี ปีละ  100 ล้าน10 ปี ก็ 1,000 ล้าน ถ้าย้อนกลับจะยึดในขบวนการอาจจะได้ยึดถึงมรดกบาปกลุ่มผู้ค้าเลย เลยเพราะทำร้ายประชาชน

Advertisement

นอกจากนี้มั่นใจว่า หลังจากมีการแก้กฎหมายปปง.เรื่องการเพิ่มรางวัลนำจับ ซึ่งจะมีผลในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้การยึดทรัพย์และตัดวงจรยาเสพติดทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น รวมทั้งขอเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อเพิ่มหน่วยงานภายใต้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เพื่อดูแลกระบวนการธุรกรรมทางการเงินของเครือข่ายยาเสพติดที่มีบัญชีเป็นร้อยเป็นพันจำนวนมากและซับซ้อน แต่ยอมรับว่าแม้ขณะนี้จะยึดทรัพย์ไม่ได้ทั้งหมด แต่เชื่อว่าจะตัดวงจรยาเสพติดให้ค้ายาได้ยากขึ้น

ด้านพล.ต.อ. สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คณะทำงานสืบสวน ได้ทำการขยายผล เพื่อยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด โดยมุ่งเน้นทำลายเครือข่าย ซึ่งจากทุกหน่วยร่วมมือกัน สามารถยึดทรัพย์สิน ได้จำนวน 2,000 รายการ มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านพร้อมที่ดิน 7 รายการ โรงงาน 1 รายการ เงินสด 25.9 ล้านบาท รถยนต์ 400 คัน จักรยานยนต์ 300 คัน ทองคำ 600 รายการ ปืน 27 กระบอก และอื่นๆ อีกกว่า 400 รายการ

พล.ต.อ.สุชาติ ยังกล่าวว่า จากการทำลายเครือข่ายยาเสพติด สามารถดำเนินคดีได้ 4 เครือข่าย รวมมูลค่า 74 ล้านบาท คือ เครือข่ายที่ 1 นายฟ้าใส ไชยะสิงห์ ชาวลาว จากการตรวจยึดไอซ์ 298 กิโลกรัม เครือข่ายที่ 2 นายสุภาพ แซ่ส้ง จากการตรวจยึดยาบ้า 10 ล้านเม็ด เครือข่ายที่ 3 นายอดิเรศ จริตงาม จากการตรวจยึดยาบ้า 3 แสนเม็ด และเฮโรอีน 800 กรัม และเครือข่ายที่ 4 Mr.kum chee cheong จากการติดตามหลังนำทรัพย์สินจากการค้ายาเสพติดให้ น.ส.นันท์นภัส ยงค์วานิช

รายงานข่าวแจ้งว่านอกจากนี้ในการขยายผลยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด ยังพบมีเครือข่ายใหญ่ตามแนวชายแดนด้านภาคเหนือ ซึ่งมีพฤติการณ์เปิดบัญชีเพื่อโอนเงินให้กับผู้บงการ สามารถอายัดบัญชีได้แล้ว 20,000 บัญชี มีเงินหมุนเวียนกว่า 30,000 ล้านบาท

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image