กองปราบประสาน บ.ประกันภัย คดีวางยา เร่งเช็กเส้นทางเงิน2ปี หายไหนหมด

กองปราบประสาน บ.ประกันภัย คดีวางยา เร่งเช็กเส้นทางเงิน2ปี หายไหนหมด

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. กล่าวว่าถึงความคืบหน้าคดีการจับกุม น.ส.นิษฐา วงวาล หรือ แม่ปุ๊ก ผู้ต้องหาที่เชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการทำให้ ด.ช.อิ่มบุญ อายุ 2 ขวบ และ ด.ญ.อมยิ้ม อายุ 4 ขวบ บุตรบุญธรรม ล้มป่วยด้วยอาการผิดปกติ เพื่อสร้างเรื่องให้ดูน่าสงสารในการหลอกเอาเงินจากคนอื่น จนเป็นเหตุให้ ด.ญ.อมยิ้มเสียชีวิต และ ด.ช.อิ่มบุญ มีอาการสาหัส ก่อนได้รับการรักษาจนอาการปลอดภัยแล้วว่า

ขณะนี้ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เรื่องสารเคมี ในร่างกายเด็กและดีเอ็นเอของแม่ปุ๊กกับเด็กว่าเชื่อมโยงกันหรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะทราบผลอย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้ ซึ่งผลการตรวจดังกล่าวจะเป็นหลักฐานสำคัญในการคลี่คลายคดีดังกล่าวให้สิ้นข้อสงสัย ทั้งนี้หากผลพิสูจน์ออกมาแล้วปรากฎว่า ด.ช.อิ่มบุญ เป็นลูกของ น.ส.นิษฐา จริงตามที่กล่าวอ้าง ตนยืนยันว่าไม่กังวลมากนัก เพราะความผิดทางคดีก็พิจารณาจากผลกระทบที่เด็กได้รับกับ การกระทำเป็นหลัก

พ.ต.อ.ปทักข์ กล่าวต่อ นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบสิทธิ์การทำประกันคุ้มครองตัวเด็กต่างๆ ว่าก่อนหน้านี้เคยมีการทำประกันไว้ให้เด็กทั้ง 2 คนไว้บ้างหรือไม่ เพราะเกรงว่าอาจมีการทำประกันให้เด็กเพื่อหวังผลประโยชน์ตอบแทนในอนาคต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานไปยังบริษัทประกันภัยต่างๆ ให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลซึ่งอาจต้องใช้เวลาพอสมควรจึงจะทราบรายละเอียด

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัติของ น.ส.นิษฐา พบว่าในอดีตเคยถูกจับกุมดำเนินคดีฐานฉ้อโกง โดยหลอกขายสินค้าออนไลน์ มาแล้ว 2 ครั้ง เมื่อประมาณปี 2561 ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี แต่เนื่องจากผู้ต้องหาได้ร้องขอต่อศาลว่าต้องดูแลลูกที่ป่วยเพียงลำพัง จึงเห็นใจลดโทษให้เป็นรอลงอาญา 2 ปี ก่อนจะมาก่อเหตุหลอกลวงผู้คนดังกล่าว

Advertisement

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพนักงานสอบสวนกองปราบแจ้งข้อหาเกี่ยวกับความผิดค้ามนุษย์กับ น.ส.นิษฐา เพิ่มเติม ขอชี้แจงว่าไม่ได้เป็นการแจ้งข้อหาเพิ่ม ซึ่งข้อหาความผิดดังกล่าวเคยแจ้งข้อหาไปแต่แรกแล้ว คือข้อหา “รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ”

มีรายงานว่าแม้ตำรวจจะจับกุม น.ส.นิษฐา ได้แล้ว แต่แนวทางสืบสวนหาพยานหลักฐานต่างๆ ยังคงดำเนินการต่อไป โดยเฉพาะการสืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับยอดเงินบริจาคที่หายไปจากบัญชี เพื่อดูว่ามีการยักย้ายถ่ายเทหรือไม่ เหตุใดเงินในบัญชีธนาคารทั้ง 5 บัญชี

มียอดเงินคงเหลืออยู่ไม่มาก ทั้งที่เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินในช่วงปี 2561-2563 จะพบว่ามีเงินหมุนเวียนเข้าออกบัญชีมากกว่า 15 ล้านบาท  เป็นที่น่าสงสัยว่าในช่วงเวลาเพียงแค่ 2 ปีกว่า เงินจำนวนมากขนาดนี้ถูกนำไปใช้ทำอะไร ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควรเนื่องจากพบว่าในบัญชีธนาคารทั้ง 5 บัญชี มีการเคลื่อนไหวโอนเงินเข้าออกมากกว่า 8 พันครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมของบุคคลแวดล้อมอื่นๆ ด้วยว่ามีส่วนร่วมกระทำความผิดหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบความเชื่อมโยงให้แน่ชัด

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image