เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม รายงานจากกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ว่า เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี น.ส.นิษฐา วงวาล หรือแม่ปุ๊ก ผู้ต้องหาตามหมายจับ ข้อหา “รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย, ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ฉ้อโกงประชาชน” ที่สันนิษฐานว่ามีส่วนในการทำร้ายร่างกายลูกๆ ด้วยวิธีใดก็ตามเพื่อสร้างความน่าสงสารในการรับบริจาคเงินหรือให้ผู้เห็นใจช่วยซื้อสินค้า ว่า จัดคณะพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 4 บก.ป. สอบปากคำแพทย์ที่ดูแลรักษาอาการป่วยของ ด.ญ.อมยิ้ม และ ด.ช.อิ่มบุญ ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รังสิต เพื่อสอบถามในประเด็นอาการป่วยของเด็กรวมถึงพฤติกรรมต่างๆ ของ น.ส.นิษฐา ขณะที่ไปเฝ้าเยี่ยมเด็กๆ พร้อมเตรียมประสานทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กรมราชทัณฑ์ เพื่อให้ส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชเข้าตรวจสอบ น.ส.นิษฐา ภายในเรือนจำว่าเจ้าตัวมีปัญหาสุขภาพจิตจริงตามที่พ่อของ น.ส.นิษฐา กล่าวอ้างหรือไม่
ทั้งนี้ หากผลการตรวจวินิจฉัยพบว่าเจ้าตัวมีปัญหาด้านสุขภาพจิตจริง ต้องพิจารณาว่าอาการป่วยอยู่ในเกณฑ์ใด จะมีผลทางคดีหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้เป็นกังวล เพราะตามหลักกฎหมายต้องพิจารณาตามเกณฑ์การป่วยออกเป็นหลายระดับไม่ใช่ว่าหากป่วยทางสุขภาพจิตแล้วจะได้รับละเว้นโทษหรือคดี เพราะจากการสังเกตพฤติกรรม น.ส.นิษฐา ของเจ้าหน้าที่ระหว่างการสอบปากคำหลังเจ้าตัวถูกจับกุม ไม่พบอาการทางจิตที่ผิดปกติ น.ส.นิษฐา สามารถพูดคุยตอบข้อสักถามได้เหมือนคนที่มีสติสัมปชัญญะทั่วไป
มีรายงานถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินของแม่ปุ๊กด้วยว่า ตอนนี้ได้รับข้อมูลจากบริษัทประกันภัยที่ผู้ต้องหานำไปใช้สิทธิรักษาเด็กตามโรงพยาบาลต่างๆ ว่าได้ประสานไปยังสมาคมประกันชีวิตไทยเพื่อตรวจสอบกรมธรรม์ของบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีทั้งหมด ทั้งทางฝั่งครอบครัวแม่ปุ๊ก และแม่เอม แม่แท้ๆ ของ ด.ญ.อมยิ้มที่เสียชีวิตไป แต่ยังไม่มีการตอบรับกลับมา ทั้งนี้ก็เพื่อตรวจสอบค่าใช้จ่ายต่างๆ หลังมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่าเงินที่แม่ปุ๊กได้จากการบริจาคและขายสินค้านั้นมากเกินกว่าค่ารักษาพยาบาลของเด็กๆ ส่วนผลการตรวจสอบลายนิ้วมือและร่องรอยดีเอ็นเอบนวัตถุพยานต่างๆ ที่พบในบ้านเกิดเหตุ เช่น ขวดบรรจุสารเคมีต้องสงสัยนั้น ตอนนี้ยังไม่มีรายงานกลับมาจากกองพิสูจน์หลักฐานกลาง
