‘บิ๊กแป๊ะ’มอบ15 บิ๊กตร.จี้ปฏิรูปสีกากี 10 ด้าน รายงานทุก 15 วัน ‘พงศพัศ’ เปิดโผ 30 สน.เร่งปรับโฉม

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนและประสานงานการปฏิรูปองค์กรตำรวจและคณะได้เดินทางลงพื้นที่ สน.บางเขน เพื่อติดตามการดำเนินการจัดทีมบูรณาการสืบสวนสอบสวนซึ่งเป็นกระบวนการหนึ่งในการปฏิรูประบบงานสอบสวนและการบังคับใช้กฎหมายและสน.บางเขน เป็นหนึ่งในจำนวนสถานีตำรวจทั้งหมด 514 แห่งทั่วประเทศ และเป็นหนึ่งใน 30 สถานีตำรวจนครบาลที่จะต้องเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปตามแนวทางที่ได้กำหนดไว้ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาเร่งด่วน 1 ปี

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า การเร่งรัดขับเคลื่อนการปฏิรูปองค์กรตำรวจทั้ง 10 ประเด็นจะดำเนินการไปพร้อมๆ กันโดยประเด็นการปฏิรูประบบงานสอบสวนและบังคับใช้กฎหมายของสถานีตำรวจทั้ง 514แห่งทั่วประเทศถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อการอำนวยความยุติธรรมในเบื้องต้นสำหรับประชาชนจึงเป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาในทุกระดับชั้นจะต้องช่วยกันเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

“สำหรับในพื้นที่บช.น.มีสถานีตำรวจที่จะต้องจัดทีมบูรณาการการสืบสวนสอบสวนตามแนวทางการปฏิรูปด้านระบบงานสอบสวนและการบังคับใช้กฎหมายและต้องแล้วเสร็จภายใน 1 ปี มีจำนวนทั้งสิ้น 30 แห่ง ประกอบด้วย บก.น.1 สน.พญาไท ดินแดง ห้วยขวาง บก.น.2 สน.บางเขน ประชาชื่น ทุ่งสองห้อง บางซื่อ คันนายาว บก.น.3 สน.มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง ร่มเกล้า บก.น.4 สน.อุดมสุข หัวหมาก ประเวศ โชคชัย  บก.น.5 สน.บางนา ทองหล่อ คลองตัน ลุมพินี บก.น.6 สน.ปทุมวัน ยานนาวา บก.น.7 สน.บางกอกใหญ่ บางพลัด ตลิ่งชัน บก.น.8 สน.บุคคโล ราษฏร์บูรณะ บางมด บก.น.9 สน.แสมดำ หนองค้างพลู”รองผบ.ตร.เผย

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่าในการดำเนินการเพื่อปฏิรูประบบงานสอบสวนนั้น จะจัดทีมบูรณาการสำหรับการปฏิบัติงานรับแจ้งความและสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานไม่น้อยกว่า 3 ทีม ในแต่ละสถานีตำรวจ และแต่ละทีมจะประกอบด้วยพนักงานสอบสวนหัวหน้าทีม พนักงานสอบสวนประจำทีม(อย่างน้อย 2 นาย) ฝ่ายสืบสวน (อย่างน้อย 2 นาย) ฝ่ายป้องกันปราบปรามฝ่ายจราจร ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน (อย่างน้อย 1 นาย) รวมทั้งฝ่ายสนับสนุนทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุและพิสูจน์หลักฐาน พร้อมทั้งการจัดยานพาหนะ และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ให้เพียงพอต่อการปฏิบัติงานโดยเฉพาะ “พนักงานสอบสวนหัวหน้าทีม” จะต้องเป็น “ผู้บริหารคดี”ที่ร่วมรับผิดชอบในการสืบสวนสอบสวนการรวบรวมพยานหลักฐาน กำกับดูแลการติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด การทำสำนวนการสอบสวนและมีความเห็นทางคดี ทั้งนี้เพื่อให้การอำนวยความยุติธรรมในเบื้องต้นเป็นไปด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรม เท่าเทียม และได้รับความไว้วางใจจากประชาชนโดยทั่วไป ในฐานะที่เป็นองค์กรต้นธารในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา

Advertisement

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวด้วยว่า เพื่อให้การปฏิรูปองค์กรตำรวจทั้ง 10 ประเด็นสามารถขับเคลื่อนเดินหน้าจนแล้วเสร็จเรียบร้อยตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้โดยเฉพาะในระยะเร่งด่วน 1 ปี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.จึงได้สั่งการมอบหมายให้ “ผู้ช่วย ผบ.ตร.” จำนวน 10 นาย รับผิดชอบควบคุมและกำกับดูแลการปฏิรูปในแต่ละประเด็นโดยมอบหมายให้1.พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผู้ช่วยผบ.ตร.งานปฏิรูปการบริหารงานบุคคลและเส้นทางการเจริญเติบโต2.พล.ต.ท.อนันต์ ศรีหิรัญ ผู้ช่วยผบ.ตร.งานปฏิรูปกระจายอำนาจและพัฒนาการบริหารงาน3.พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผบ.ตร.งานปฏิรูประบบงานสอบสวนและการบังคับใช้กฎหมาย4. พล.ต.ท. ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร.งานปฏิรูปค่าตอบแทนและสวัสดิการ5.พล.ต.ท.ปิยะ สอนตระกูล ผู้ช่วยผบ.ตร.งานปฏิรูปการจัดหาอุปกรณ์ประจำกายและประจำหน่วย6.พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ รอง จตช.งานปฏิรูปการป้องกันการทุจริตคอรัปชั่น 7.พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ รองจตช.งานปฏิรูปการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและท้องถิ่น 8.พล.ต.ท.คำรบปัญญาแก้วผู้ช่วยผบ.ตร. งานปฏิรูปการจัดระบบนิติวิทยาศาสตร์ 9.พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.งานปฏิรูปกระบวนการสรรหาและฝึกอบรม และ10.พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.งานปฏิรูปกระบวนการถ่ายโอนภารกิจ

“ผู้ช่วย ผบ.ตร. ทั้ง 10 ท่านจะต้องติดตามและเร่งรัดให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปฏิรูปตามขั้นตอนและกระบวนการต่างๆอย่างต่อเนื่องจนแล้วเสร็จ โดยเฉพาะในกรอบระยะเวลาเร่งด่วน 1 ปีโดยคณะทำงานขับเคลื่อนและประสานงานการปฏิรูปองค์กรตำรวจจะติดตามประเมินผลการดำเนินการและรายงานผลความคืบหน้าให้ ท่านผบ.ตร. ทราบทุก 15 วัน”รองผบ.ตร.กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image