ป.ป.ส.เผยขั้นตอน 135หมู่บ้านนำร่อง ปลูก-เสพ-ครอบครอง ‘พืชกระท่อม’ ไม่ผิดกม.

ป.ป.ส.เผยขั้นตอน135 หมู่บ้าน นำร่องปลูก- เสพ-ครอบครอง ‘พืชกระท่อม’ ไม่ผิดกม.

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม   นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.)กล่าวถึงความคืบหน้า การปลดพืชกระท่อมออกจากยาเสพติว่า ในทางกฎหมายขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ … พ.ศ. …ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 และอยู่ในขั้นส่งไปยังรัฐสภาเพื่อพิจารณา ในทางคู่ขนานกัน สำนักงาน ป.ป.ส. ได้มีการร่าง พ.ร.บ. พืชกระท่อม พ.ศ. … เพื่อใช้ในการกำกับดูแลพืชกระท่อม ภายหลังการถอดพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์ของสำนักงาน ป.ป.ส. ซึ่งเมื่อดำเนินการตามขั้นตอนครบกำหนดแล้ว สำนักงาน ป.ป.ส. จะนำข้อมูลความคิดเห็นที่ได้รับมาวิเคราะห์ผลดี ผลเสีย รวมถึงผลกระทบ เพื่อเสนอ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พิจารณาก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

เลขาธิการ ป.ป.ส. ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับการดำเนินงานในพื้นที่นำร่อง 135 หมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อเตรียมการรองรับการประกาศเป็นพื้นที่ได้รับอนุญาตให้เสพและครอบครองพืชกระท่อม ตามมาตรา 58/2 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข โดยพื้นที่ดังกล่าวได้มีการดำเนินการอย่างเป็นขั้น เป็นตอน

ตั้งแต่การเลือกพื้นที่การจัดทำแผนเพื่อควบคุมจำนวนพืชกระท่อม การจัดเวทีประชาคมเพื่อรับรองธรรมนูญชุมชน และแผนปฏิบัติการของชุมชนในการจัดการด้วยชุมชน การสำรวจ บันทึกข้อมูลการขึ้นทะเบียนผ่านระบบสารสนเทศ โดยในแต่ละพื้นที่จะมีการจัดทำธรรมนูญที่แตกต่างกันไปตามภูมิวัฒนธรรม นั่นคือการดูลักษณะทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่ในบริบทวัฒนธรรม

Advertisement

โดยพิจารณาองค์ประกอบความสัมพันธ์ของพื้นที่ภูมิศาสตร์ (พืชท้องถิ่น) ที่รวมเอาวัฒนธรรมและทรัพยากรธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน กลายเป็นมรดกร่วมของชุมชนหรือท้องถิ่น การจัดทำธรรมนูญชุมชนอยู่ภายใต้กรอบความร่วมมือที่ทางสำนักงาน ป.ป.ส. ได้จัดทำเอาไว้ เช่น ข้อตกลงชุมชนเรื่องเครื่องมือในการควบคุมพืชกระท่อม การตรวจสุขภาพผู้ใช้งานกระท่อม ซึ่งจัดให้มีการตรวจสุขภาพผู้ใช้งาน เป็นต้น ประการสำคัญในพื้นที่นำร่องที่มีเยาวชน จะมีการเฝ้าระวังในกลุ่มเยาวชนเพิ่มขึ้น เพื่อไม่ให้มีการนำพืชกระท่อมไปใช้ในทางที่ผิด

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวต่อว่า การคัดเลือกพื้นที่นำร่องมีหลักสำคัญ คือต้องคำนึงถึงความพร้อมของชุมชนเป็นสำคัญ นอกจากนี้ต้องเป็นพื้นที่ที่มีประวัติการใช้พืชกระท่อม ตามวิถีชุมชนดั้งเดิมมาอย่างยาวนาน และที่สำคัญคนในพื้นที่ต้องมีความพร้อมในการดูแล ควบคุมเพื่อไม่ให้ใช้ผิดวัตถุประสงค์ และให้ความร่วมมือช่วยเหลือในการอำนวยความสะดวกในการสำรวจต้นกระท่อมเพื่อจัดทำฐานข้อมูล กำกับ รวมทั้งการติดตามการใช้พืชกระท่อม ดังนั้น ขั้นแรกชุมชนต้องเห็นด้วย และพร้อมที่จะเป็นกลไกในการดูแลอย่างจริงจังในระยะยาว

Advertisement

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตั้งแต่ปี 2560 สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ดำเนินโครงการและให้ตำบลน้ำพุ อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่ต้นแบบในการศึกษาวิจัย ซึ่งมีผลตอบรับที่ดี คือพบการใช้ผิดวัตถุประสงค์น้อย เนื่องจากการที่ชาวบ้านช่วยกันจัดตั้งธรรมนูญชุมชนเพื่อควบคุมดูแลโดยใช้ชุมชนเป็นกลไกสำคัญ จึงเป็นต้นแบบในการเตรียมพื้นที่ 135 หมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อใช้ในการศึกษาและควบคุมดูแลการใช้พืชกระท่อม ซึ่งการจัดทำพื้นที่นำร่องเพื่อการศึกษาและการควบคุม

มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นพื้นที่ต้นแบบในการศึกษารองรับนโยบายการปรับสถานะพืชกระท่อมออกจากยาเสพติด โดยต้องทำอย่างรัดกุมและเป็นขั้นตอน เพื่อให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด ดังนั้น หากหมู่บ้าน/ชุมชนใดที่มีความประสงค์จะให้พื้นที่ของตนเป็นพื้นที่ดำเนินการภายใต้หลักการที่กล่าวมา ก็สามารถประสานขอทราบรายละเอียดจากสำนักงาน ป.ป.ส. เพื่อดำเนินการได้

“เจตนารมณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีนโยบายการปรับสถานะพืชกระท่อมออกจากการเป็นยาเสพติดเพื่อ 4 ประเด็นหลัก ๆ คือ 1. การลดทอนความเป็นอาญาของพืชกระท่อม 2. เปิดโอกาสให้ศึกษาวิจัยและใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ 3. เปิดโอกาสให้ใช้ตามวิถีชาวบ้าน และ 4. พัฒนาพืชกระท่อมสู่เศรษฐกิจฐานชุมชน โดยทั้ง 4 ประเด็น จะต้องอยู่ในกรอบคือ ต้องไม่ทำให้เกิดปัญหา  ดังนั้น จึงต้องมีการกำกับดูแลไม่ให้มีการใช้ผิดวัตถุประสงค์ หรือการนำพืชกระท่อมไปผสมวัตถุ สารเสพติด ยาเสพติดชนิดอื่น หรือที่เรียกกันว่า สี่คูณร้อย “นายนิยมกล่าว

ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. และกระทรวงยุติธรรม จะจัดการเสวนาในประเด็น “การปรับสถานะและการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อม” เพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็นจากภาคประชาชนและผู้เกี่ยวข้องจากทุกภาคส่วน โดยการจัดงานเสวนา รวมถึงนโยบายการปรับสถานะพืชกระท่อม สำนักงาน ป.ป.ส. จะแจ้งให้ทราบเมื่อมีความคืบหน้าต่อไป และหากพบการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือการนำกระท่อมไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ตลอด 24 ชม.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image