คุมตัวทำแผน มือฆ่ารัดคอเจ้าของร้านข้าวหมูแดง เหตุทวงพระคืนไม่ได้ เปิดปากรับลงมือเผาบ้านด้วย
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 30 กรกฎาคม พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น. และ พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.9 สั่งการให้ชุดคลี่คลายคดีการตายของนายอนันต์ แสงอุไร อายุ 66 ปี เจ้าของร้าน “ข้าวหมูแดงหมูกรอบแมสเซ็นเจอร์” ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกฆ่ารัดคอที่บ้านพักย่านถนนราชพฤกษ์ ควบคุมนายอำพล วงเทียนทอง อายุ 58 ปี ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังใช้เวลาเค้นสอบปากคำนานกว่า 30 ชั่วโมง จนเจ้าตัวยอมรับว่าหลังบีบคอนายอนันต์ จนเสียชีวิต ยังใช้ไฟแช็คจุดวางเพลิงเผาบ้านผู้ตายเพื่ออำพรางคดีไม่ได้เกิดจากการต่อสู้จนทำให้เตาไฟล้มตามที่ให้การไปก่อนหน้านี้
โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาแอบสื่อมวลชนและกลุ่มญาติของนายอนันต์ เข้าไปในบ้านที่เกิดเหตุเลขที่ 363/1 ถนนราชพฤกษ์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กทม.และใช้เวลาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เพียง 15 นาที จึงรีบพาตัวผู้ต้องหากลับโรงพักเพื่อความปลอดภัยของผู้ต้องหา
โดยจุดที่ 1 นายอำพล ผู้ต้องหา นั่งคุยกับนายอนันต์ ผู้ตายบริเวณโต๊ะไม้กลางเพิงร้านขายข้าวซึ่งเชื่อมต่อกับห้องโถงชั้นล่างของบ้านพัก โดยนายอำพล ได้เอ่ยปากขอไถ่พระเครื่อง 33 องค์ ที่มาจำนำไว้ในราคา 5,000 บาท คืน แต่ตกลงกันไม่ได้ เพราะผู้ตายบ่ายเบี่ยงจะไม่คืนให้ ทั้ง 2 ฝ่ายจึงทะเลาะและลุกขึ้นยื้อดึงกัน กระทั่งนายอนันต์ พลาดท่าถูกนายอำพล ผลักจนหงายท้องหัวฟาดขอบอิฐบล็อกด้านล่างซึ่งมีลักษณะเป็นพื้นปูนต่างระดับ
ส่วนจุดที่ 2 นายอำพล กระโดดตามไปคร่อมร่างผู้ตายใช้มือทั้ง 2 ข้างบีบคอจนแน่นิ่งจากนั้น นายอำพล ได้ลากร่างผู้ตายจากพื้นบริเวณทางเข้าห้องโถงชั้นล่างไปไว้ในตัวบ้านก่อนจะเดินหาไฟแช็คจุดเผาอำพรางศพเเละสาเหตุแห่งการตาย
จุดที่ 3 นายอำพล พบไฟแช็ควางอยู่บนตู้เย็นบริเวณห้องโถงด้านล่าง ก่อนนำไปจุดเผาเสื้อผ้าของผู้ตายซึ่งเเขวนอยู่ที่ราวตากผ้าใกล้ๆ ตู้เย็น จำนวนมาก โดยนายอำพล ยอมรับว่าได้เผาเสื้อผ้าบนราวไป 2 จุด เพื่อเร่งให้เพลิงลุกไหม้เร็วขึ้น ก่อนที่ตนจะไแคล้องโซ่ล็อกประตูเลื่อนด้านหน้าบ้าน แล้วเดินลัดเข้าสวนหลังบ้านผู้ตายมุ่งหน้ากลับบ้านพักชุมชนหลังวัดนาคปรก ในสภาพสวมรองเท้าแตะหูหนีบสีน้ำเงินแค่ข้างเดียว
มีรายงานว่า แม้นายอำพล จะยอมรับสารภาพถึงการวางเพลิงเผาบ้านพักหลังลงมือฆ่าผู้ตาย แต่เจ้าตัวยังคงปฏิเสธเรื่องสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาทและพระเลี่ยมทองของผู้ตายที่สูญหายไป โดยพนักงานสอบสวนยังต้องสอบปากคำนายอำพล เพิ่มเติม ก่อนส่งตัวฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จากนี้จะมีการแจ้งข้อหาเกี่ยวกับการวางเพลิงเผาทรัพย์และอำพรางศพ พร้อมสั่งคัดค้านการให้ประกันตัวต่อศาลเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญและเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน