เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 30 กรกฎาคม ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการ ปปง. แถลงความคืบหน้าคดีคลองด่าน จากการที่ ปปง.ได้รับแจ้งคำพิพากษาศาลอาญา กรณีอธิบดีกรมควบคุมมลพิษกับพวก ร่วมกันทุจริตกับกิจการร่วมค้า NVPSKG และเอกชนรายอื่น เอื้อประโยชน์จนได้ไปซึ่งสัญญาและค่าก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ทำให้รัฐสูญเงินงบประมาณกว่า 20,000 ล้านบาท และต้องจ่ายค่าเสียหายให้แก่กิจการร่วมค้าตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดอีกกว่า 9,600 ล้านบาท เป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (5) พ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ศ.2542
พล.ต.อ.ชัยยะกล่าวว่า จากการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมผู้เกี่ยวข้องพบข้อเท็จจริงร่วมกันกระทำความผิดตามคำพิพากษา จึงดำเนินการ ส่งเรื่องให้คณะกรรมการธุรกรรมมีมติยึดและอายัดตามสิทธิเรียกร้อง ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในงวดที่ 2 และ 3 งวดละ 3,200 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 6,400 ล้านบาท จากนั้นได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อดีเอสไอให้ดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงินกับ 6 บริษัท และ 1 บุคคล ที่ได้รับเงินในงวดที่ 1 ไป เนื่องจากเป็นเงินที่ได้จากการร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐทุจริต และได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งยึดอายัดเงินคงเหลือในบัญชีเงินฝากของบริษัทกิจการร่วมค้า มูลค่ากว่า 97 ล้านบาท พร้อมดอกผล 80,000 บาท
เลขาธิการ ปปง.กล่าวอีกว่า วันนี้ได้แจ้งมติคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 12/2559 อายัดทรัพย์สิน 3 รายการ เป็นบัญชีบริษัทเกตเวย์ ดิเวลลอปเม้นท์ฯ 2 รายการ มูลค่ากว่า 70 ล้านบาท และบัญชีบริษัทประยูรวิศน์ฯ 1 รายการ มูลค่า 30 ล้านบาท รวม 100 ล้านบาท จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างต่อเนื่อง พบการโอนเงินงวดที่ 1 ต่อไปให้บุคคลอื่นอีก 10 ราย ขณะนี้เรายังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อของบุคคลดังกล่าว เนื่องจากอยู่ระหว่างการดำเนินการของดีเอสไอ โดย ปปง.ได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอแล้ว เพื่อให้ดำเนินคดีอาญาฟอกเงินกับบุคคลดังกล่าว ทั้งนี้ ปัจจุบันเราสามารถยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีนี้รวม 6,600 ล้านบาท ส่วนทรัพย์สินที่เหลืออยู่ระหว่างเร่งดำเนินการติดตามทรัพย์สินมาคืนให้กับแผ่นดิน
