‘สมศักดิ์’ รับคำร้องพ่อน้องต้น เด็กชาย 4 ขวบ ถูกคู่กรณีข่มขู่ให้วัดใครใหญ่กว่า
เมื่อวันที่ 20 ส.ค.63 ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รับเรื่องราวร้องทุกข์จากนายเอ (นามสมมุติ) พ่อของ ด.ช.วัย 4 ขวบที่ถูกแม่แท้ๆ และพ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกายอาการโคม่า ซี่โครง ไหปลาร้าหัก ตามลำตัว ใบหน้ามีบาดแผลกว่า 20 แห่ง ขณะนี้ยังพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ภูมิพล
นายเอกล่าวว่า ตนได้เลิกรากับแม่ของเด็กมาประมาณ 2 ปีแล้ว และไม่ได้ติดต่อกันเลย ส่วนลูกชายฝ่ายแม่เป็นผู้ดูแลอยู่ย่านนวลจันทร์ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมาได้รับโทรศัพท์จากภรรยาเก่าว่า ลูกชายลื่นล้มหัวฟาดพื้นในห้องน้ำ ต้องทำการผ่าตัดด่วนให้ช่วยหาเงินประมาณ 1 แสนบาท หลังจากนั้นตนได้พยายามติดต่อแม่เด็กเพื่อจะเข้าเยี่ยมลูกชาย แต่ฝ่ายหญิงปฏิเสธโดยอ้างว่าทาง รพ.ไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม เนื่องจากกลัวติดเชื้อ ตนจึงพยายามสืบค้นข้อมูลว่าลูกชายตนอยู่ที่ใด จนทราบว่าพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ภูมิพล จึงเดินทางไปเยี่ยมจึงพบว่าลูกชายตนถูกทำร้ายร่างกายอาการสาหัส โดยมีอาการซี่โครงหัก 2 ซีก ไหปลาร้าหัก ตามตัวและใบหน้ามีบาดแผลใหม่และเก่ารวมกว่า 20 แห่ง ทั้งนี้ เป็นกังวลเรื่องของพ่อเลี้ยง เนื่องจากกลับคำให้การและข่มขู่ตน
“ผมจะต่อสู้เพื่อลูกจนถึงที่สุด วันนี้ก็ได้ไปเยี่ยมลูก หมอแจ้งว่าลูกมีอาการดีขึ้น แต่ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและอยู่ในห้องไอซียู ผมเห็นสภาพลูกแล้วโกรธมาก เป็นแม่แท้ๆ ทำกับลูกขนาดนี้ได้อย่างไร ผมไม่เคยตีลูกเลย เสียใจที่ให้เขาเลี้ยงดู แต่มาทำลูกแบบนี้ เชื่อว่ากรรมจะตามสนอง” นายเอกล่าว
ด้านแม่บุญธรรมของน้องต้นกล่าวยืนยันว่า ต้องการเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะเชื่อว่าพ่อเลี้ยงต้องมีส่วนรู้เห็น ไม่ใช่แม่แท้ๆ ทำเพียงคนเดียว แม้แม่เป็นคนทำ แต่ถ้าไม่ห้ามก็ถือว่ามีส่วนร่วมกระทำเช่นกัน จึงอยากเรียกร้องสิทธิให้น้องต้น และนายเอ เพราะนายเอถูกคู่กรณีข่มขู่อ้างว่ารู้จักคนใหญ่คนโต ให้มาวัดกันไปเลย โดยตนเชื่อว่าคู่กรณีน่าจะมีศักยภาพ ส่วนค่าใช้จ่ายในการรักษาจะเพียงพอหรือไม่ยังไม่ได้คิด ขอเพียงแค่ให้น้องต้นได้ฟื้นขึ้นมาก่อน
ขณะที่สมศักดิ์กล่าวว่า กรมคุ้มครองสิทธิฯได้เข้าไปดูแลแล้วหลังทราบเรื่อง ซึ่งกรณีนี้จะได้รับเงินเยียวยาประมาณ 1 แสนบาท เป็นค่ารักษาพยาบาล, ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจ ค่าตอบแทนความเสียหาย ส่วนเรื่องคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งหากเห็นว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรมก็สามารถกลับมาหารือกระทรวงยุติธรรมได้ รวมถึงขอเข้าสู้กระบวนการคุ้มครองพยานหากรู้สึกไม่ปลอดภัย
