เปิดร่างระเบียบสอบวินัยรองอสส.กรณี เนตร นาคสุข สั่ง คดีบอส อยู่วิทยา เกิดเคลือบเเคลง รอประกาศราชกิจจาฯ
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตามที่มติคณะกรรมการอัยการ(ก.อ.)ได้เห็นชอบร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการทางวินัยและสั่งลงโทษทางวินัยสำหรับทางวินัยและสั่งลงโทษทางวินัยสำหรับรองอัยการสูงสุด พ.ศ. … เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม กรณีการสั่งคดีบอส อยู่วิทยา ของนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด อันอาจจะให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยซึ่งการสั่งสำนวนของพนักงานอัยการจะขาดความระมัดระวังหรือไม่อย่างไรเที่ยงธรรมอันเป็นเหตุสงสัยว่ากระทำความผิดทางวินัยได้ ซึ่งอยู่ระหว่างรอประกาศราชกิจจานุเบกษานั้น มีรายละเอียดดังนี้
ข้อ 1.ระเบียบนี้เรียกว่า“ ระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการ พ.ศ. รองอัยการสูงสุด พ.ศ. ….”
ข้อ 2.ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ 3.ในระเบียบนี้“ ก.อ. ” หมายความว่าคณะกรรมการอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
ข้อ 4.เมื่อมีผู้เสนอเรื่องต่อ ก.อ. กล่าวหารองอัยการสูงสุดว่ากระทำผิดวินัยให้ ก.อ. พิจารณาดำเนินการสอบสวนขั้นต้นเพื่อให้ได้ความจริงและเป็นธรรมโดยมิชักช้า
การกล่าวหาดังต่อไปนี้ ก.อ. อาจไม่ดำเนินการสอบสวนก็ได้
(1) การกล่าวหาเป็นบัตรสนเท่ห์ซึ่งไม่มีพยานหลักฐานแวดล้อมปรากฏชัดแจ้งตลอดจนไม่ชี้พยานบุคคลแน่นอนพอที่จะสอบสวนได้
(2) การกล่าวหาไม่มีข้อมูลหรือไม่มีสาระเพียงพอให้สอบสวนหาความจริงได้ (3) การกล่าวหาเรื่องการใช้ดุลพินิจในการสั่งคดีและการปฏิบัติหน้าที่
ข้อ 5.ในกรณีที่ ก.อ. พิจารณาเห็นว่าการกล่าวหานั้นเป็นกรณีที่จะดำเนินการสอบสวนได้ ก.อ. อาจมอบหมายให้กรรมการอัยการคนหนึ่งคนใดหรือข้าราชการอัยการซึ่งมีอาวุโสไม่ต่ำกว่าผู้ถูกกล่าวหาหรือแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนขั้นต้นตามที่เห็นสมควรโดยประธานกรรมการต้องเป็นกรรมการอัยการหรือข้าราชการอัยการซึ่งมีอาวุโสไม่ต่ำกว่าผู้ถูกกล่าวหาเว้นแต่มีความจำเป็นจะแต่งตั้งกรรมการจากข้าราชการอัยการซึ่งมีอาวุโสต่ำกว่าผู้ถูกกล่าวหาก็ได้เป็นผู้ดำเนินการสอบสวนขั้นต้นแทนและให้กรรมการคนหนึ่งเป็นเลขานุการ
การสอบสวนขั้นต้นให้ดำเนินการตามระเบียบและกรรมการยการว่าด้วยหลักเกณฑ์สอบสวนขั้นต้นกรณีข้าราชการอัยการถูกกล่าวหาหรือเป็นที่สงสัยว่ากระทำผิดวินัยและการรายงานผลการสอบสวนขั้นต้นที่ปรากฏว่ามีมูลเป็นกรณีกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงโดยอนุโลม
เมื่อ ก.อ. ได้รับรายงานผลการสอบสวนขั้นต้นแล้วเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหามีได้กระทำผิดวินัยหรือการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาไม่เป็นความผิดวินัยหรือไม่มีมูลให้มีมติยุติเรื่องในกรณีที่ ก.อ. เห็นว่ากระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรงให้มีมติตามมาตรา 88แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ.2553 ต่อไป
ข้อ 6.ในกรณีที่ผลการสอบสวนขั้นต้นปรากฏว่ามีมูลเป็นกรณีกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงสอบสวนโดยคณะกรรมการสอบสวนต้องเป็นกรรมการอัยการหรือข้าราชการอัยการที่มีอาวุโสไม่ต่ำกว่า ให้ ก.อ. แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนอย่างน้อยสามคนซึ่งมิใช่คณะกรรมการสอบสวนในข้อ 5 เพื่อทำการสอบสวนโดยคณะกรรมการสอบสวนต้องเป็นกรรมการอัยการหรือข้าราชการอัยการอาวุโสที่มีอาวุโสไม่ต่ำกว่าผู้ถูกกล่าวหาเว้นแต่มีความจำเป็นจะแต่งตั้งกรรมการจากข้าราชการอัยการซึ่งมีอาวุโสต่ำกว่าผู้ถูกกล่าวหาก็ได้ การสอบสวนให้ดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงข้าราชการอัยการโดยอนุโลม
7.ในกรณีที่ ก.อ. เห็นว่ารองอัยการสูงสุดกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงให้มีมติลงโทษไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการเเล้วเเต่กรณี
ข้อ 8.ให้ ก.อ. มีอำนาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้
ข้อ 9.ให้ประธาน ก.อ. รักษาการตามระเบียบนี้บรรดาระเบียบข้อกำหนดประกาศและคำสั่งอื่นใดซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ให้ใช้ระเบียบนี้แทน
นอกจากนี้ พรบ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ.2553 หมวด2 การดำเนินการทางวินัยมาตรา 74บัญญัติภายใต้บังคับมาตรา 82 เมื่อข้าราชการอัยการผู้ใดถูกกล่าวหาหรือมีกรณีเป็นที่สงสัยว่ากระทำผิดวินัยผู้บังคับบัญชาต้องดำเนินการสอบสวนชั้นต้นโดยมิชักช้า
ผู้บังคับบัญชาระดับใดมีอำนาจดำเนินการสอบสวนชั้นต้นข้าราชการชั้นต้นข้าราชการอัยการระดับใดรวมตลอด ทั้งวิธีการสอบสวนชั้นต้นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.อ. กำหนด
ตามที่มีรายงานว่านายเนตร ได้ยื่นหนังสือลาออก ตาม พ.ร.บ.ข้าราชการฝ่ายอัยการมาตรา 58 บัญญัติว่าข้าราชการอัยการผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการให้ยื่นหนังสือขอลาออกต่อผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปชั้นหนึ่งเพื่อให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาเมื่ออัยการสูงสุดสั่งอนุญาตแล้วให้ถือว่าพ้นจากตำแหน่ง
ในกรณีที่ข้าราชการอัยการขอลาออกเพื่อดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเพื่อสมัครรับเลือกตั้งหรือรับการเสนอชื่อเพื่อสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภาหรือเพื่อไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญให้การลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ผู้นั้นขอลาออก
จากกรณีตามวรรคสองถ้าอัยการสูงสุดเห็นว่าจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการจะยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกไว้เป็นเวลาไม่เกินสามเดือนนับ แต่วันขอลาออกก็ได้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าอสส.ลงนามอนุญาตให้นายเนตรลาออก