เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 29 กันยายน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) ควบคุมตัวนายชัยมงคล ใจบุญอุปถัมป์ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองเยาวราชกรุงเทพภายในห้างเทสโก้ โลตัส สาขาวังหิน ที่จับกุมได้ที่จ.เลย พร้อมภรรยาชาวลาว ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ มาลงที่กองบินตำรวจ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน ก่อนคุมตัวมาควบคุมไว้ที่ สน.โชคชัย ท่ามกลางสื่อมวลชนจากหลายสำนักที่มาติดตามความคืบหน้า โดยมีตำรวจหน่วยอรินทราช พร้อมอาวุธครบมือคอยดูแลความเรียบร้อยขณะคุมตัวมาที่โรงพัก โดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดการสอบสวน ซึ่งในวันพรุ่งนี้(30 กันยายน) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จะแถลงรายละเอียดให้ทราบ ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป
ขณะที่มีรายงานแนวทางการสืบสวนแจ้งว่า ภายหลังตำรวจสืบสวนนครบาลและสืบสวนนครบาล 4 ไปตามจับนายสุริยันต์ นิลบรรพต อายุ 37 ปี เพื่อนของนายชัยมงคล ได้ที่โรงงานไม้แห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม ทั้งนี้ พบว่าหลังนายชัยมงคล ชิงทรัพย์ร้านทองเสร็จแล้ว ได้เดินทางไปสถานีขนส่งหมอชิตพร้อมแฟนสาวเพื่อซื้อตั๋วโดยสารไปยัง จ.เลย และให้แฟนสาวนำพัดลมตั้งโต๊ะซุกซ่อนทองคำรูปพรรณ น้ำหนักกว่า 80 บาท และอาวุธพร้อมกระสุนปืน 10 นัด ไว้ใต้ฐานพัดลมดังกล่าว โดยสารรถตู้ไปที่ห้างใน จ.นครปฐม พร้อมโทรศัพท์นัดนายสุริยันต์ ให้มารับพัดลมดังกล่าวจากแฟนสาว
ทั้งนี้จากการสอบสวนนายสุริยันต์ อ้างไม่ทราบว่าในฐานพัดลมมีทองคำและอาวุธปืน จึงนำกลับมาที่ห้องพัก ส่วนแฟนสาวนายชัยมงคล ได้กลับไปยัง กรุงเทพฯ พร้อมนำทองคำติดตัวไป 30 บาท
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า แฟนสาวนายชัยมงคล ยังได้นัดเพื่อนสาวชาวลาวอีกคนเดินทางขึ้นรถไฟ ไปยัง จ.หนองคาย ก่อนถูกตำรวจจับกุมไว้ได้ขณะกำลังทำเอกสารเพื่อผ่านด่านข้ามไปยังประเทศลาว ส่วนนายสุริยันต์ ได้กลับมาที่หัองพัก ก่อนจะเปิดใต้ฐานพัดลม แล้วนำทองคำไปซุกซ่อนในลำโพง ก่อนจะไปทิ้งไว้ในห้องพักภายในโรงงานที่ทำงาน ส่วนอาวุธปืนกับกระสุน เจ้าตัวใช้ผ้าขนหนูพันแล้วนำไปโยนทิ้งในบ่อน้ำ ห่างจากโรงงานเพียง 1 กิโลเมตร ชุดสืบสวนจึงนำกำลังเข้าไปตรวจค้นที่พักภายในโรงงานแห่งนี้ พบทองรูปพรรณซุกซ่อนอยู่ในลำโพงจริง ก่อนคุมตัวนายสุริยันต์ ไปชี้จุดที่นำอาวุธปืนไปทิ้งที่คลอง จึงประสานนักประดาน้ำปฏิบัติการพิเศษทางน้ำ กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจน้ำ แต่พบเพียงกระสุนปืนไม่ทราบขนาด 10 นัด จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
