เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหารถแท็กซี่ที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศและการท่องเที่ยว ที่มีผู้ร้องเรียนปัญหารถแท็กซี่ผ่านทางหมายเลข 1583 ของกรมการขนส่งทางบกกว่า 43,000 ราย โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2557 กว่าร้อยละ 50 ซึ่งปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนเป็นอันดับหนึ่งคือ “การปฏิเสธผู้โดยสาร” ที่มีผู้ร้องเรียนมากถึง 22,000 ราย
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับปัญหานี้เป็นอย่างมาก จึงได้เร่งรัดให้แก้ไขปัญหารถแท็กซี่ให้เป็นรูปธรรม โดยให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กวดขันจับกุม ผู้กระทำความผิดตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด โดยให้ใช้มาตรการสูงสุดในการจับกุมผู้กระทำความผิด ร่วมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวเข้าใจถึงขั้นตอนและวิธีการที่เหมาะสมในการโดยสารรถแท็กซี่ ส่วนกรณีผู้ขับแท็กซี่ที่กระทำผิดกฏหมายอาญาและทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างรุนแรง เช่น การทำร้ายร่างกาย ทำอนาจาร ปรับแต่งมิเตอร์ จะถูกดำเนินคดีและเพิกถอนใบอนุญาตทันที อีกทั้งยังให้จัดทำระบบเชื่อมโยงการจับกุมจากทุกหน่วยงานให้เป็นฐานข้อมูลเดียวกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ทำผิดซ้ำ และยังให้ติดตามผลการปฏิบัติงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกวันที่ 5 ของเดือน โดยเริ่มติดตามครั้งแรกวันที่ 5 มีนาคมนี้
ผบ.ตร.ระบุอีกว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการวางมาตรการแก้ไขปัญหารถแท็กซี่กว่า 130,000 คันทั่งประเทศ เพราะที่ผ่านมีประชาชนทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติร้องเรียนเป็นจำนวนมาก จะมีการลงนามในข้อตกลงร่วมกันเพื่อรับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง โดยจะเริ่มดำเนินการใน 6 พื้นที่ที่เป็นปัญหาได้แก่ ทั่วพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร ย่านศูนย์การค้า และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดต่างๆ เช่น ภูเก็ต พัทยา เกาะสมุย รวมถึงบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง
“ขอฝากไปถึงผู้ขับขี่รถแท็กซี่ว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่เป็นหน้าตาของประเทศในการต้อนรับนักท่องเที่ยว และสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวอยากเดินทางมายังประเทศไทย ซึ่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะเร่งดำเนินการให้เห็นผลเร็วที่สุด อีกทั้งในส่วนผู้มีอิทธิพลและข้าราชการในพื้นที่ต่างๆ ที่เข้ามามีผลประโยชน์กับรถแท็กซี่นั้นในยุคของผมก็ลดน้อยลง และยังมองว่าน่าจะมีการกำหนดรูปแบบสีของรถแท็กซี่ในประเทศไทยให้เป็นสากล เพราะปัจจุบันในประเทศมีรถแท็กซี่หลายสี หลายแบบ ทำให้การจับกุมผู้ที่กระทำความผิดได้ยาก