ทนายตั้ม ลั่นหากทำคดีครูจุ๋มจะทำ 4 เรื่อง ติงเหตุพาลูกความแจ้งความ ‘อัจฉริยะ’ แซะอย่าเห็นแก่เงินจนลืมคุณธรรม

สืบเนื่องจากวานนี้ (4 ตุลาคม) ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทนายความของโรงเรียนในเครือสารสาสน์อย่างเป็นทางการ เดินทางไปยัง สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี พร้อมด้วย น.ส.อรอุมา ปลอดโปร่ง หรือครูจุ๋ม เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายชาญวิทย์ น้อยสุขยิ่ง อายุ 37 ปี และภรรยา ซึ่งเป็นผู้ปกครองน้องเสือ ที่เข้าทำร้ายร่างกายครูพี่เลี้ยงจุ๋มเมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา ในงานประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์

ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ในฐานะที่ตนเป็นทนายนั้น หากเป็นทนายในคดีครูจุ๋มจะดำเนินการ 4 ข้อคือ 1.ออกแถลงขอโทษผู้ปกครองและสังคม โดยปราศจากข้อแก้ตัว 2.หาทางเยียวยาตามกฎหมาย 3.ไม่แจ้งความผู้ปกครอง และ 4.ให้ลูกความสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เพื่อลดโทษ และเป็นการสำนึกผิด

นายษิทราระบุว่า ทุกวันนี้ผมได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจเยอะมาก แต่หลายครั้งตัดสินใจปฏิเสธทั้งที่ถ้าเลือกงานนี้ผลตอบแทนก็เป็นเงินมากโข แต่ด้วยถ้าทำแล้วไม่สบายใจ ขอไม่ทำดีกว่า แน่นอนครับ ทนายเลือกงานได้ ทั้งเป็นทนายโจทก์และทนายจำเลย คดีแบบเด็กอนุบาลถูกทารุณกรรม ผมขอผ่าน ได้กี่บาทก็ขอไม่รับ แต่ขอเสนอแนะในฐานะที่เป็นทนายให้ลูกเพจอ่านดูแล้วกันนะครับว่าถ้าผมเป็นทนายคดีครูจุ๋ม ผมจะทำแบบนี้ 1.ออกแถลงขอโทษผู้ปกครองและสังคม โดยปราศจากข้อแก้ตัว รวมถึงเลิกโทษคนอื่น เก็บความเฟียส ความกร้าวใส่ลิ้นชักชั้นลึกที่สุด ผลร้ายมีมากกว่าผลเสียถ้าใช้อารมณ์ 2.หาทางเยียวยาตามกฎหมาย ไม่ปกป้องคนกระทำผิด ปฏิรูปโรงเรียน เสนอมาตรการที่จะมีในอนาคต เพื่อยืนยันว่าเด็กนักเรียนจะมีสวัสดิภาพที่ดี ไม่ถูกทำร้ายแบบที่ผ่านมา

นายษิทรากล่าวว่า 3.ไม่แจ้งความผู้ปกครอง ควรเข้าใจว่าเป็นลูกใคร ใครก็โกรธ แน่นอนว่า การทำร้ายร่างกายกันในที่สาธารณะผิดกฎหมาย แต่อย่าลืมว่าฝั่งโรงเรียนเป็นฝ่ายผิด แต่หาทางเจรจา ให้ครูนำดอกไม้ ของขวัญไปขอขมาผู้ปกครองรายคนโดยนอบน้อมที่สุด เขาจะรับหรือปฏิเสธไม่ใช่สาระที่สำคัญ แต่ผิดแล้วต้องรับผิดและแก้ไขไม่ใช่แก้ตัว และ 4.ให้ลูกความสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เพื่อลดโทษ และเป็นการสำนึกผิด หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ไม่มีประโยชน์ที่จะแถ เสียทั้งภาพลักษณ์โรงเรียน และไม่แฟร์กับเด็กและผู้ปกครอง

Advertisement

“สำหรับผม การพาลูกความไปแจ้งความเหมือนราดน้ำมันลงกองไฟ ทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้น เสียชื่อโรงเรียนไม่พอ จากฝ่ายโจทก์อาจจะเห็นความสำนึกผิด จะยิ่งโกรธแค้น และทำให้คดีอื่นๆ อีกเป็นพรวนเสียไปหมด ทนายมืออาชีพที่ว่าความที่ศาลจริง ไม่ใช่ศาลโซเชียล เขาไม่ทำกันหรอกครับ” นายษิทรากล่าว

ด้าน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยทางเฟซบุ๊ก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ว่า ดังได้ก็ดับได้ 35 ปีไม่มีความหมาย หากไปฟ้องผู้ปกครอง ชมรมไม่เห็นด้วย อย่าเห็นแก่เงินจนลืมคุณธรรม ถึงจะเป็นเพื่อนกันก็เตือนด้วยความหวังดี โรงเรียนค่าเทอมแพง จ้างครูไม่มีคุณภาพทำร้ายเด็ก แทนที่จะสำนึกแสดงความรับผิดชอบ บัดซบจริงๆ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ‘ครูจุ๋ม’ ดำเนินคดีพ่อแม่เด็กกระโดดถีบ เผยทำร้ายน.ร.เพราะเครียด ร.ร.สารสาสน์ ตั้ง ‘ทนายเดชา’ สู้คดี

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image